ส.อ.ท.หั่นเป้าผลิตรถยนต์ ปีนี้ลง 2 แสนคัน จาก 1.7 ล้านคัน เหลือ 1.5 ล้านคัน หลังยอดขายตกฮวบ โดยเฉพาะในประเทศทั้งเดือนขายได้เพียง 37,691 คัน ต่ำสุดในรอบ 4.6 ปี เหตุแบงก์เข้มงวดปล่อยสินเชื่อ หวั่นสงคราม “อิสราเอล-ฮามาส” และ”รัสเซีย-ยูเครน” ฉุดตลาดส่งออก
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า เดือนตุลาคม 2567 ผลิตรถยนต์ได้ 118,842 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 25.13 ส่งผลให้มกราคม – ตุลาคม 2567 ผลิตรถยนต์ได้ทั้งสิ้น 1,246,868 คัน การผลิตเพื่อส่งออก เดือนตุลาคม ผลิตได้ 87,741 คัน หรือร้อยละ 73.83 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว ร้อยละ 7.00 ส่วนเดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 861,916 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 4.69
การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 31,101 คัน หรือร้อยละ 26.17 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 51.70 และเดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 ผลิตได้ 384,952 คัน เท่ากับร้อยละ 30.87 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – ตุลาคม 2566 ร้อยละ 39.89
ส่วนรถจักรยานยนต์เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 294,395 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 70.52 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 149,010 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 6.35 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 145,385 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 346.93 ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,030,213 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 1.49
ยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนตุลาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 37,691 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2567 ร้อยละ 36.08 ต่ำสุดในรอบ 54 เดือนนับตั้งแต่ยกเลิกล๊อคดาวน์จากการระบาดโรคหวัด 19 เดือนพฤษภาคม 2563 จากการเข้มงวดในการให้กู้ซื้อรถยนต์ของสถาบันการเงินเป็นหลัก ส่งผลให้จำนวนบัญชีผู้กู้ซื้อรถยนต์ในไตรมาสสามมี 6,365,571 บัญชีลดลงจากไตรมาสสอง 75,377 บัญชีเท่ากับร้อยละ 1.2 และลดลงจากไตรมาสสามปี 2566 จำนวน 199,655 บัญชีหรือร้อยละ 3.0 จำนวนเงินหนี้รถยนต์ไตรมาสสาม 2,465,204 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสสองร้อยละ 2.8 และลดลงร้อยละ 5.8 จากไตรมาสสามปี 2566 รถบรรทุกลดลงจากเศรษฐกิจของประเทศที่ยังอ่อนแอเติบโตในอัตราต่ำและหนี้ครัวเรือนสูง ดัชนีภาคอุตสาหกรรมขยายตัวต่ำที่ร้อยละ 0.1 ในไตรมาส3
ด้านการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนตุลาคม 2567 ส่งออกได้ 84,334 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 5.08 แต่ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 20.23 ส่งออกลดลงเพราะฐานสูงในเดือนเดียวกันของปี 2566 ที่ส่งออกถึง 105,726 คัน ส่งผลให้ส่งออกลดลงทุกตลาด ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลางและยุโรปที่สงครามอิสราเอลกับฮามาสขยายมากขึ้น อาจจะส่งผลกระทบการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวน้อยลง อีกความขัดแย้งที่ต้องติดตามแบบไม่กระพริบตาที่จะกระทบเศรษฐกิจโลกคือสงครามยูเครนกับรัสเซียที่อาจขยายไปประเทศอื่นซึ่งกระทบการส่งออกรถยนต์และสินค้าอื่นๆ รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนตุลาคม 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 77,274.86 ล้านบาท ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 19.78
เดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 853,221 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 8.02
“ส.อ.ท. ได้ปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ปี 2567 จาก 1,700,000 คันเป็น 1,500,000 คัน ลดลง 200,000 คัน โดยปรับการผลิตขายในประเทศลดลงจาก 550,000 คันเป็น 450,000 คัน และการผลิตเพื่อส่งออกลดลงจาก 1,150,000 คัน เป็น 1,050,000 คัน” นายสุรพงษ์ กล่าว
ขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เริ่มแผ่ว โดยเดือนตุลาคม 2567 จดทะเบียนใหม่ 6,651 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 32.19
เดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 82,304 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 6.12
ส่งผลให้ตัวเลขจดทะเบียนสะสม ณ วันที่ 31 ต.ค. 2567 มีทั้งสิ้น 213,173 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 94.70%
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนตุลาคม 2567 จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 8,622 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 30.36
เดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 112,819 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 56.61 ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนตุลาคม 2567 จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 773 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 8.95