คณะกรรมการโรคติดต่อฯ เห็นชอบแนวทางฉีดวัคซีน “หัด-ไอกรน-HPV” ย้ำช่วงปีใหม่เข้มป้องกัน “ไข้หวัดใหญ่-โควิด” เผยสถถานการณ์สูงขึ้นเล็กน้อย
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.67 ที่กระทรวงสาธารณสุข ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ที่เห็นชอบ 2 เรื่อง เรื่องแรก คือแนวทางปฏิบัติในการเพิ่มความครอบคลุมของวัคซีนในโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ได้แก่ โรคหัด โรคไอกรน การฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งก่อโรคมะเร็งปากมดลูก โดย 1.เร่งรัดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน และคางทูม (MMR) ในเด็กอายุ 0 – 5 ปี ในจังหวัดที่มีความครอบคลุมวัคซีนต่ำกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ หรือการเข้าถึงบริการสาธารณสุขไม่เพียงพอ จึงจัดโครงการเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนหัด เช่น จัดหน่วยวัคซีนเคลื่อนที่รณรงค์ในชุมชน เฝ้าระวังอาการสงสัยโรคหัด หากพบผู้ที่มีอาการสงสัยให้รีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษา
“สำหรับโรคหัด มีผู้ป่วยมากต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใจ้ ดังนั้นเราจึงต้องเร่งรณรงค์เพิ่มฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมให้มากขึ้น” นายสมศักดิ์ กล่าว
2.เน้นความครอบคลุมการได้รับวัคซีนไอกรนในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ทุกพื้นที่ให้ได้มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ และเน้นการให้วัคซีนไอกรนชนิดไร้เซลล์ในหญิงตั้งครรภ์ทุกราย เพื่อให้เด็กแรกคลอดมีภูมิคุ้มกันต่อโรคไอกรน เฝ้าระวังอาการสงสัยโรคไอกรน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียน หากพบผู้มีอาการสงสัยให้รีบพบแพทย์ และ 3.ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งจะเป็นการให้เข็มที่ 2 ในกลุ่มเป้าหมายอายุ 11 – 20 ปี ที่เคยฉีดเข็มที่ 1 มาแล้ว และให้วัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ 1 เข็มสำหรับนักเรียนหญิง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 (ป.5) ปีการศึกษา 2567 ในช่วงเดือนม.ค – ก.พ. 2568 (ก่อนปิดภาคเรียน) ส่วนกลุ่มเป้าหมายนอกเหนือจากนักเรียนหญิงชั้น ป.5 ที่ยังไม่ได้รับการฉีดเข็มที่ 1 ในปีที่แล้ว จะให้บริการในเดือนมี.ค.– เม.ย.2568 ตั้งเป้าฉีดให้ได้มากกว่า 1 ล้านโดส เพื่อลดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูกในหญิงไทย ซึ่งจะมีกิจกรรม Kick-off วัคซีน HPV 5 ภาคทั่วประเทศ เริ่มครั้งแรกวันที่ 20 ธ.ค. 2567 ที่จังหวัดปทุมธานี
![](https://thekey.news/wp-content/uploads/2024/12/714355_0.jpg)
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า อีกเรื่องคือ เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่อง การเพิ่มเติมผู้แทนจากหน่วยงานของรัฐในคณะทำงานประจำช่องทางเข้าออก ประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ จังหวัดนราธิวาส 3 ด่าน คือ พรมแดนสุไหงโก-ลก พรมแดนบูเก๊ะตา และพรมแดนตากใบ รวมถึงรับทราบนโยบายการสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการจัดซื้อจัดหาวัคซีน ซึ่งสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กรมควบคุมโรค และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ดำเนินการหาแนวทางการสนับสนุนการดำเนินงานของ อปท. ในส่วนที่เกี่ยวข้อง และแจ้งต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์โรคติดต่อที่สำคัญ ได้แก่ โรคไข้หวัดนก ซึ่งสถานการณ์ทั่วโลกยังมีรายงานผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ที่พบผู้ป่วยมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกและโคนม และในปีนี้พบการระบาดของโรคไข้หวัดนกในประเทศเพื่อนบ้านทั้งในคนและสัตว์ ประเทศไทยแม้จะไม่พบผู้ป่วยไข้หวัดนกในคนมาตั้งแต่ ปี 2549 แต่ยังมีความเสี่ยงและต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการระบาด มีการเดินทางระหว่างประเทศ มีการค้าขายและเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกมีชีวิต, โรคไข้หวัดใหญ่ พบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และมีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโรงเรียนและเรือนจำ ปัจจุบันพบการระบาดในศูนย์ดูแล/ฟื้นฟูผู้สูงอายุและสถานสงเคราะห์มากขึ้น และโรคโควิด 19 พบผู้ป่วยเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับปี 2566 ที่พบผู้ป่วยเพิ่มสูงในช่วงเดือนพ.ย.– ม.ค. ส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
“ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ จะมีการรวมกลุ่มและเคลื่อนย้ายของผู้คนเป็นจำนวนมาก ขอให้ประชาชนเข้มการป้องกันโรค โดยการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ล้างมือบ่อยๆ หากมีอาการป่วยทางเดินหายใจ ให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยหรือเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง เช่น สถานที่แออัด” นายสมศักดิ์ กล่าว.