จากการตรวจสอบ คำร้องฝากขัง “โกทร” หรือ “สุนทร วิลาวัลย์” นายก อบจ.ปราจีนบุรี และ ลูกน้องรวม 7 คน ได้รายละเอียดพฤติการณ์แห่งคดี ที่ต้องบอกว่า ยิ่งกว่าในภาพยนตร์เสียอีก
โดยก่อนเกิดเหตุ “ผู้ตาย” กับ “ผู้ต้องหา” คือ “โกทร” มีความสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก จนผู้ตายบอกกับใครๆว่าเป็น “ลูกบุญธรรมของโกทร” ต่อมา “ผู้ตาย” กับ “โกทร” ได้มีการขัดแย้งทางการเมืองกันอย่างรุนแรง
เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งนายก อบจ.ปราจีนบุรี ภายในปี พ.ศ.2568 ที่จะถึงนี้ โดยผู้ตายประสงค์จะให้ “ภรรยา” ลงรับสมัครเลือกตั้งในตำแหน่งดังกล่าว ส่วน “ผู้ต้องหาที่ 7” จะส่งบุคคลอื่นลงรับสมัครเลือกตั้งเช่นกัน สร้างความไม่พอใจและทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง
จนต่างฝ่ายต่างระมัดระวังตัว ว่าจะถูกลอบทำร้าย จึงได้มีการตระเตรียมกำลังคน อาวุธและเครื่องกระสุนปืนไว้ ในวันเกิดเหตุ 11 ธ.ค. ผู้ต้องหาที่ 1-7 ได้วางแผนที่จะฆ่าผู้ตาย โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งจัดเตรียมกำลังคน อาวุธปืนร้ายแรงและเครื่องกระสุนจำนวนมาก
โดยนัดหมายให้ “ผู้ตาย” คือ “สจ.โต้ง” มาพบ “โกทร” ที่สำนักงานที่ตั้งอยู่ใกล้กับบ้านพักที่เกิดเหตุ แต่ไม่พบ “โกทร” หลังจากนั้น “ผู้ตาย” กับพวก จึงได้พากันเดินไปที่บ้านพักของ “โกทร” จากนั้น “โกทร”ได้ออกมาพบ “ผู้ตาย” ที่บริเวณหน้าบ้านพัก และได้มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง
ระหว่างนั้น “ผู้ต้องหาที่ 1-6” ได้หลบซุ่มรอก่อเหตุอยู่ภายในห้อง และภายในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อการโต้เถียงกันเสร็จสิ้นลง เหมือนจะทำความเข้าใจระหว่างกันได้แล้ว “ผู้ตาย” จึงได้เข้าไปภายในบ้านพักเพื่อจะไปส่ง “โกทร” เข้านอน
ระหว่างนั้น “ผู้ต้องหาที่ 1-6” ได้แบ่งหน้าที่และแบ่งกำลังกัน โดย “ผู้ต้องหาที่ 1-4” เตรียมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ก่อเหตุ ดักรอ “ผู้ตาย” อยู่ภายในห้องพักบนชั้นที่ 2 ของบ้านที่เกิดเหตุ ส่วน “ผู้ต้องหาที่ 5-6” รออยู่ที่บริเวณชั้นล่างของบ้านพัก
เมื่อ “ผู้ตาย” พูดคุยกับ “โกทร” เสร็จ พอออกจากห้องพักของผู้ต้องหาที่ 7 กำลังเดินลงบันไดเพื่อลงมาที่ชั้นล่าง ระหว่างนั้น “ผู้ต้องหาที่ 1-6” ได้ใช้อาวุธปืนของกลางยิงใส่ผู้ตายหลายนัด จนตกลงมานอนเสียชีวิตที่บริเวณทางขึ้น-ลงบันได
พนักงานสอบสวนแจ้งพฤติการณ์และการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐานเพิ่มเติมว่า “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ยึดปืนสั้น-ปืนกล 6 กระบอก เครื่องกระสุนเป็น 100 นัด
สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้คือ
1.ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม.ยี่ห้อกล็อก สีดำ พร้อมแม็กกาซีน 1 อัน รวมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 53 นัด
2.ปืนกลมือกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ EMTAN พร้อมเครื่องกระสุนปืน 28 นัด
3.แม็กกาซีนปืนกล็อก 1 อัน เครื่องกระสุนปืนอีกหลายขนาด
4.ปืนพกขนาด .45 สีเทา-ดำ พร้อมเครื่องกระสุน 13 นัด
5.ปืนรีวอลเวอร์ แบบลูกโม่ ขนาด .357 สีเงิน พร้อมด้วยเครื่องกระสุนปืน 6 นัด
6.เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 34 นัด บรรจุในกล่อง
7.เสื้อคลุมสีดำเเขนยาวมีหมวกคลุม
8.ปืนสั้นยี่ห้อ Glock 19 สีดำไม่ได้บรรจุเครื่องกระสุนปืน พร้อมแม็กกาชีน 3 อัน
9.ปืนพกกึ่งอัตโนมัติยี่ห้อ บาเร็ตต้า ขนาด 9 มม. สีดำ ไม่ได้บรรจุเครื่องกระสุนปืน พร้อมแม็กกาชีน 2 อัน
10.เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด สีดำ 1 เครื่อง
ทั้งนี้ ศาลได้อนุญาตให้ฝากขัง โดยระบุช่วงท้ายว่า แม้ว่านายสุนทร ผู้ต้องหา ที่ 7 มีโรคประจำตัว แต่ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ก็ให้อำนาจราชทัณฑ์ อนุญาตให้ไปรักษาตัวนอกเรือนจำได้
ในชั้นนี้จึงให้ยกคำร้องของผู้ต้องหาทั้ง 7 คน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ไปคุมขังยังเรือนจำระหว่างฝากขังต่อไป
………………………….
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม