ทำท่าว่า ไม่แน่ การปรับคณะรัฐมนตรีรอบหน้าของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” อาจจะมีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ถ้าไม่ปรับปรุงตัวทางการเมือง ก็อาจถูก “ปรับออก-เขี่ยพ้น” รัฐบาล ตามรอย “พรรคพลังประชารัฐ-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ที่ไม่ได้กลับเข้ามาในรัฐบาลแพทองธาร แม้ก่อนหน้านี้จะเคยเป็นพรรคร่วมรัฐบาลมาในยุคครม.เศรษฐา ทวีสิน
หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” พ่อนายกฯและหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง ออกมาส่งสัญญาณเตือนไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างไปร่วมงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ 13 ธ.ค.
ซึ่งคำพูดของทักษิณ แสดงให้เห็นว่า พ่อนายกฯไม่พอใจอย่างแรง กับการอยู่ร่วมรัฐบาลของรัฐมนตรีบางคน จากบางพรรคร่วมรัฐบาล ที่ไม่เข้าประชุมครม.เมื่อพุธที่ 11 ธ.ค. ที่ “ทักษิณ” คงมองว่า เหตุที่ไม่เข้าร่วม คงเพราะอาจเกรงจะมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายตามมา เพราะวันดังกล่าว กระทรวงการคลังเสนอครม.ให้เห็นชอบการออกพระราชกำหนดสองฉบับฯ
ตัวทักษิณ เลยมองว่า รัฐมนตรีในพรรคร่วมรัฐบาล เกรงว่า หากร่วมประชุมครม.ด้วย อาจมีการร้องเรียนภายหลังว่าออกพระราชกำหนดโดยมิชอบ เพราะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เลยใช้วิธีหลบไม่เข้าประชุมฯ เพื่อจะได้เซฟตัวเอง
ทั้งนี้ พระราชกำหนด ที่เข้าครม.เมื่อวันพุธที่ 11 ธ.ค. มีด้วยกันสองฉบับคือ พระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. …. และ พระราชกำหนดการแก้ไขพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …….
ที่เป็นพระราชกำหนดฯเกี่ยวกับการปฏิรูปภาษีนิติบุคคลในไทย โดยต้องเก็บภาษีจากบริษัทนิติบุคคลต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย เพื่อเป็นการรองรับเกณฑ์ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)
ทำให้ “ทักษิณ” คงมองว่า ถ้าแบบนี้ ก็ทำงานด้วยกันยากกับรัฐบาลของลูกสาวตัวเอง ในทำนอง เมื่อเป็นรัฐบาลด้วยกัน แต่ไม่ให้ใจกัน เลยต้องออกมาส่งสัญญาณเตือน ไม่พอใจอย่างแรง กลางวงสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่เปิดโอกาสให้สื่อเข้าฟังได้ ที่แสดงให้เห็นว่า ทักษิณ ต้องการสื่อออกไปถึงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคนั่นเอง ด้วยประโยคที่ว่า
“เมื่อ 2 วันก่อนมีพระราชกำหนด เกี่ยวกับมาตรการทางภาษีระหว่างประเทศเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ปรากฏว่ามีพรรคร่วมบางพรรคหลบ ป่วย อย่างนี้ไม่ใช่เลือดสุพรรณนี่หว่า ถ้าอยู่ด้วยกันก็ต้องด้วยกันสิ วันหลังไม่อยากอยู่ต้องบอกให้ชัดเจน เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง ห้ามหนี ต่อไปใครหนีก็บอกว่าถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย ง่ายดี ผมเป็นคนเกลียดพวกอีแอบ ตรงไปตรงมาง่ายๆ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ก็ต้องสู้ด้วยกัน ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน แถลงนโยบายคุณยกมือเห็นด้วย พอได้เก้าอี้ รัฐมนตรีค่อยๆหลบมือออก ไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา”
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า การประชุมครม.เมื่อวันพุธที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา มีรัฐมนตรี แจ้งลาประชุม 7 คน ประกอบด้วย
1.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รอง นายกฯ และ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
2.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
3.นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ จากพรรคเพื่อไทย
4.นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย
5.นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ จากพรรคกล้าธรรม น้องชาย ร.อ.ธรรมนัส
6.นายสุรศักดิ์ พันธุ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ จากพรรคภูมิใจไทย
7.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
ใน 7 ชื่อดังกล่าว สำหรับ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” นั้นไม่มีปัญหา เพราะเป็นรมว.ต่างประเทศจากเพื่อไทย สายตรงทักษิณ ชินวัตร อยู่แล้ว และคาดว่าคงติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ เช่นเดียวกับ “อัครา พรหมเผ่า” รมช.เกษตร โควตาพรรคกล้าธรรม ก็ไม่ได้มีปัญหา เพราะพรรคกล้าธรรม ตอนนี้ก็เปรียบเสมือนพรรคสาขาของเพื่อไทยไปแล้ว
แต่ที่เป็นปัญหาก็คือ “ภูมิใจไทย” ที่มี 3 รัฐมนตรีไม่ได้เข้าประชุมคือ “อนุทิน-ทรงศักดิ์-สุรศักดิ์” และ “รวมไทยสร้างชาติ” 2 คนคือ “พีระพันธุ์-สุชาติ”
ทว่า ที่หลายคนจับตามองและเชื่อว่า ที่ “ทักษิณ” ไม่พอใจ น่าจะเป็น “รวมไทยสร้างชาติ” ซึ่งมี “พีระพันธ์ุ” อดีตแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อนหน้านี้ สมัยทักษิณเป็นนายกฯ และตัว “พีระพันธุ์” เป็นส.ส.ฝ่ายค้าน ประชาธิปัตย์ ก็มักออกมาวิจารณ์และตรวจสอบรัฐบาลทักษิณพอสมควร แถมเลขาธิการพรรค “เอกนัฎ พร้อมพันธุ์” รมว.อุตสาหกรรม ก็เป็นอดีตโฆษก กปปส. ที่เคยปลุกม็อบออกมาขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวทักษิณเสียด้วย
มันเลยทำให้ พอ “ทักษิณ” ออกมาสวดพรรคร่วมรัฐบาลดังกล่าว คนเลยเล็งไปที่ “รวมไทยสร้างชาติ”มากกว่า “ภูมิใจไทย”
แม้ก่อนหน้านี้ “ภูมิใจไทย” จะมีปัญหากับ “เพื่อไทย” เยอะ หลายต่อหลายเรื่องที่งัดง้างกันอยู่ เช่นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ-เรื่องการออกเสียงร่างพ.ร.บ.ประชามติ-เรื่องนโยบายกัญชาที่เพื่อไทย จะเอากัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดเหมือนเดิม แต่ “ภูมิใจไทย” เอามาคัดค้านและทำได้สำเร็จ หรือการเปิดกาสิโน ที่ “ภูมิใจไทย” เคยตั้งโต๊ะแถลงข่าวคัดค้านฯ และล่าสุดกับเรื่อง ร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่ “อนุทิน” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาคัดค้านไม่เอาด้วยกับสส.เพื่อไทย จน “ทักษิณ” ออกมาดักคอว่า “หล่อเร็วไป”
กระนั้น ด้วยความสัมพันธ์อันดีระหว่าง “ทักษิณ-อนุทิน” มีความลึกซึ้งมากกว่า “พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ” แน่นอน ผนวกกับ “ภูมิใจไทย” มีสส.ร่วม 70 คน ขณะที่ “รวมไทยสร้างชาติ” มี 36 คน
ในการเป็นรัฐบาลร่วม 320 เสียง ทำให้สุดท้าย…หากไม่มี “รวมไทยสร้างชาติ” อยู่ด้วย ยังไงเสียงก็เกินกึ่งหนึ่งมาหลายสิบเสียง อีกทั้งหากไม่มี “รวมไทยสร้างชาติ” แล้วไม่ได้ดึงพรรคอื่นมาเสียบแทน “เพื่อไทย” ก็จะได้โควตารัฐมนตรีที่เป็นของ “รวมไทยสร้างชาติ” มาอีก 4 เก้าอี้ และเป็นกระทรวงเศรษฐกิจเสียด้วยคือ “พลังงาน-อุตสาหกรรม”
ท่ามกลางกระแสข่าวทางการเมืองที่ลือมาได้สักพักว่า กลุ่มทุนการเมืองบางกลุ่ม ที่เคยสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรคในขั้วรัฐบาลและกลุ่มทุนดังกล่าว มีความสนิทสนมกับทักษิณ ชินวัตร จนปิดดีลสำเร็จ ทำให้ “ทักษิณ” ดึงพรรคดังกล่าวไปร่วมรัฐบาลด้วย ตั้งแต่ยุคเศรษฐา ทวีสิน แต่ข่าวว่า กลุ่มทุนดังกล่าว ระยะหลังมีปัญหาขัดแย้งกับ แกนนำพรรคการเมืองดังกล่าว จนเลิกเกี่ยวข้องกันแล้ว และมีการออกไปเตรียมสนับสนุนพรรคการเมืองตั้งใหม่พรรคหนึ่ง เพื่อรองรับการเลือกตั้งรอบหน้า แทนการสนับสนุนพรรคดังกล่าว
ที่ก็ปรากฏว่ากระแสข่าวดังกล่าว แวดวงการเมืองก็เพ่งเล็งมาที่ “รวมไทยสร้างชาติ” และเรื่องนี้ “ทักษิณ” ทราบดี จนเกิดข่าวลือทำนอง ไม่แน่ปรับครม.รอบหน้า อาจมีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ไม่ได้กลับเข้ามา ซ้ำรอย “พลังประชารัฐ” หากแกนนำพรรคดังกล่าว ไม่ยอมปรับท่าทีทางการเมือง หลัง “ทักษิณ” ออกมาส่งสัญญาณเตือนดังๆ ทำนอง “ไม่อยากอยู่ก็บอกมา”
โดยแม้ “ทักษิณ” ไม่บอกตรงๆ ว่าหมายถึงพรรคไหน แต่คนรู้กันทั่วว่า คือพรรคอะไร ที่ตอนนี้ ถูกขึ้นบัญชีดำไว้แล้ว !
………….
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย “พระจันทร์เสี้ยว”