บทพิสูจน์กระบวนการยุติธรรม ที่ขึ้นชื่อเป็น องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาหลังหมดยุคของ “โอภาส อรุณินท์” เป็น ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และมี “กล้านรงค์ จันทิก” เป็น เลขาธิการป.ป.ช.
สร้างชื่อกระหึ่มโลก!!! โดยชี้ขาดคดีนักการเมืองร่วงเป็นใบไม้ ตรงไปตรงมา ยึดหลักกฎหมาย และข้อเท็จจริง โดยเฉพาะชี้ขาด “ทักษิณ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินอันเป็นเท็จ
จากนั้นเป็นต้นมา องค์กรอิสระต่างๆ ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์เป็น “ลบ” ท่ามกลางช่วงการเมืองมีความขัดแย้งรุนแรง ตัดสินออกหน้าไหน อีกขั้วการเมืองก็ตามถล่มเละเป็นโจ๊ก แต่หากองค์กรอิสระลงดาบอยู่บนหลักปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตและเที่ยงธรรม ย่อมไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง
ถ้าทำตรงกันข้าม…ตามที่เล่าขานกันมา มีทั้งขบวนการล็อบบี้ตลอดวัน อีกฝ่ายเดินเครื่องต่อล็อบบี้ในตอนกลางคืน จับเข่าคุย ชนแก้วไวน์กลางแสงไฟ ส่งผลให้คดีพลิกคว่ำพลิกหงาย ส่งผลเสียต่อประเทศไทยวงกว้างมานักต่อนัก
ถึงมีการโยนหินติดอาวุธทางปัญญาให้ รื้อที่มาโครงสร้างของกรรมการองค์กรอิสระ และ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นตะแกรงทองร่อนคัดกรองคนเข้าไปทำงานเพื่อประชาชนจริง ไม่ใช่พอผ่านการสรรหาแบบเดิมๆ เลือกแบบเดิม คนที่หลุดด่านเหล่านี้เข้าไป ถูกตีตราล่วงหน้าเป็น “คนของสีนั้นสีนี้”
ครั้งนี้นับเป็นนิมิตหมายที่ดี เมื่อ ที่ประชุมป.ป.ช. พิจารณาข้อมูลเบื้องต้นที่รวบรวมข้อเท็จจริง พยานหลักฐานมาตลอด ก่อนลงมติเอกฉันท์ให้กรรมการป.ป.ช.ทุกคนเป็นองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่
เอกซเรย์ข้าราชการ-เจ้าหน้าที่รัฐ กรมราชทัณฑ์เรือนจำพิเศษ กรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจ 12 รายรวด “อธิบดีกรมราชทัณฑ์-รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 2 คน-ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร-นายแพทย์ใหญ์รพ.ตำรวจสมัยที่เกิดเหตุ-พร้อมบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 6 คน”
ฐานเอื้อประโยชน์ “ทักษิณ” บิดา “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เข้าพักรักษาตัวที่ห้องพิเศษ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
ทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการไต่สวน หากพบมีมูลก็ถูกแจ้งข้อกล่าวหา เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง ก่อนสรุปสำนวนส่งให้ป.ป.ช.ชี้มูลอีกครั้ง
ต้องยอมรับ การตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ แสดงให้เห็นว่า เป็นคดีสำคัญ มีผลกระทบวงกว้าง โดยเฉพาะคดีนี้ดูตามเนื้อข่าวประชาสัมพันธ์แถลงมติกรณีนี้เป็นทางการ ใช้คำว่า “กรณีเอื้อประโยนน์ต่อนายทักษิณ บิดาของนายกฯ”
แม้ “ทักษิณ” เป็นอดีตนายกฯ แต่เข้าองค์ประกอบของกฎหมายป.ป.ช. ถึงใช้บริการองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ เพราะเป็น “ผู้ทรงอิทธิพลต่อการเมืองไทย” เป็นถึง “พ่อนายกฯ” และ “ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย”
นับตั้งแต่กลับถึงไทยในรอบ 17 ปี เมื่อ 22 ส.ค.66 เข้า “คุกทิพย์” ไม่เคยติดคุกจริงแม้แต่คืนเดียว ถูกย้ายออกจากเรือนจำกลางดึก เหาะเหินเดินอากาศเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ
เป็นที่มา “ป่วยจริง-ป่วยทิพย์” ดูเหมือนได้รับอภิสิทธิ์เหนือกว่าผู้ต้องขังคนอื่น ตลอดเวลา 6 เดือน และได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ กลับมาอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ศูนย์กลางอำนาจประเทศไทย
“กองเชียร์ฝ่ายทักษิณ” เห็นว่าทำถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม “ฝ่ายต่อต้านทักษิณ” มองทะลุทำลายกระบวนการยุติธรรมประเทศไทย “เย้ยฟ้าท้าหลักนิติธรรม-เย้ยดินขัดหลักรัฐ”
วันนี้ขึ้นอยู่กับ องค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต เที่ยงธรรม ชี้มูลตามข้อเท็จจริง และหลักกฎหมาย เพื่อพลิกพื้นศรัทธาองค์กรอิสระ และกระบวนการยุติธรรมประเทศไทย
“ทักษิณ” ผิด…ต้องฟัน ทำถูก…ต้องปล่อยผี เคลียร์คัตวงจรไฟการเมืองซอร์ต
………………………………..
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น