“เทพไท” แนะ “นายกฯอิ๊งค์” ควรออกมาขอโทษ หลัง “กิตติรัตน์” แห้วนั่งประธานบอร์ดธปท.
เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.67 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.ประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า กิตติรัตน์ แห้ว อุ๊งอิ๊ง ควรออกมาขอโทษ
ผมเห็นข่าวนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ไม่ผ่านคุณสมบัติที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพราะการเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น
ผมคิดว่าเรื่องนี้จะได้มีความชัดเจนเสียที หลังจากอึมครึม คาราคาซัง รัฐบาลซื้อเวลา ไม่กล้าเสนอชื่อนายกิตติรัตน์เข้าที่ประชุมครม. ทั้งที่ใจจริงอยากจะเสนอเพื่อขอมติจากคณะรัฐมนตรีเหมือนใจจะขาด แต่จำเป็นต้องรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน เพราะมีข้อท้วงติงจากหลายฝ่าย ทั้งนักวิชาการจำนวนหลายร้อยคน รวมทั้งอดีตผู้ว่าการแบงค์ชาติอีก 4 คนด้วย แต่รัฐบาลก็ไม่ยอมรับฟัง ยังดึงดันที่จะเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ต่อไป
เมื่อผลขั้นสุดท้ายจบที่มติคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยว่า คุณสมบัติของนายกิตติรัตน์ไม่ผ่าน รัฐบาลจึงจำเป็นต้องถอยโดยปริยาย แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่เคยฟังเสียงประชาชน ดื้อตาใส จะเอาคนของตัวเองเข้าไปนั่งในตำแหน่งประธานบอร์ดแบงค์ชาติให้ได้ โดยไม่ได้ฟังเสียงคัดค้านหรือท้วงติงใดๆ จากกลุ่มคนระดับมันสมองของประเทศจำนวนมาก
ผมคิดว่าเรื่องนี้เมื่อรัฐบาลยังไม่เสนอชื่อนายกิตติรัตน์เพื่อขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี จึงยังไม่มีความผิดใดๆทางข้อกฎหมาย แต่ในความรู้สึกของประชาชนรู้สึกตำหนิการกระทำของรัฐบาล ซึ่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควรจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการออกมาขอโทษประชาชนสักหน่อยก็จะเป็นการดี เพราะการตั้งธงที่จะเสนอชื่อนายกิตติรัตน์เข้าไปเป็นประธานบอร์ดให้ได้ เป็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลชุดนี้ ที่จะเอาตำแหน่งนี้ให้กับคนของตัวเองให้ได้ ทั้งที่ขาดคุณสมบัติ เมื่อคณะกฤษฎีกามีคำวินิจฉัยว่า ขาดคุณสมบัติแล้ว ก็ถือว่าชื่อของนายกิตติรัตน์เป็นอันตกไป
แม้ว่าเรื่องนี้นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยว่า ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องคุณสมบัติของนายกิตติรัตน์ จะประชุมกันอีกครั้งในวันนี้(25 ธ.ค.)ก็ตาม แต่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ยอมรับเรื่องการขาดคุณสมบัติแล้ว ถือว่าทุกอย่างคงจบแล้ว
ขอให้จับตาดูว่ารัฐบาลจะนำเสนอชื่อบุคคลใดเข้าดำรงตำแหน่งนี้อีก เพราะรัฐบาลคงจะไม่ปล่อยให้ตำแหน่งประธานแบงค์ชาติเป็นบุคคลอื่น นอกจากบุคคลที่รัฐบาลสั่งได้