กลายเป็นข่าวใหญ่ในรอบสัปดาห์ ไล่เรียงตั้งแต่ ดาราหนุ่มชาวจีน “ซิงซิง” ถูกลวงมาถ่ายหนังที่ประเทศไทย สุดท้าย ถูกแก๊งคนร้ายหลอกพาข้ามแดน ไปเป็น คอลเซ็นเตอร์ เคราะห์ดีที่ “เหยื่อรายนี้มีชื่อเสียง” เลยมีการประสานงานกองกำลังชนกลุ่มน้อยประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยออกมาได้
เวลาไล่เลี่ยกัน ยังมี “นายแบบชาวจีนอีกราย” ถูกหลอกมาไทย แล้วผ่านออกชายแดน จนถึงตอนนี้ ยังไม่ทราบชะตากรรม
จากนั้น มีข่าว คนไทยถูกกลุ่มจีนเทา กลุ่มนาย “เสี่ยวหมา” ลวงไปทำเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ปอยเปต เหยื่อคนไทยทนความกดดันไม่ไหว กระโดดลงมาจากชั้น 14 เสียชีวิต
ขณะเดียวกัน ยังมีข่าว “จีนต้มตุ๋นจีน” กลางกรุงฯ คดีแรก…ลวงชิงเงิน 5 ล้านแลกคริปโต คดีที่สอง…หลอกเอาเหรียญคริปโตมูลค่า 8 ล้านบาท มีคนร้ายเป็น “คนกลาง” คนเดียวกัน ชื่อ “นายเฉิน” ขณะนี้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
และล่าสุด “สส.ปูอัด-ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์” สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ออกมาแฉอีกว่า “มีเยาวชนไทย อายุ 21 ปี พร้อมเด็กไทยรวม 5 คนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไปเป็นนักฟุตบอล ตอนนี้ยังถูกจับตัวไป ไม่ทราบชะตากรรม อยู่ชายแดนฝั่งปอยเปต”
ไล่เรียงมาทั้งหมดนี้คือ ความเสียหายจาก “สแกมเมอร์คนจีน” สารพัดมิจฉาชีพในโลกยุคใหม่ ที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการหลอกลวง
จากเดิม เราอาจคุ้นชื่อกับ “แก๊งลูกหมู” ที่จากเดิมเกี่ยวข้องกับ กลุ่มคนจีน ที่หลอกลวงคนจีนด้วยกัน ตั้งแต่สมัยโบราณ ไปค้าทาส ขุดทอง เพราะในสมัยก่อน มีคนจีนหลายคนยากจนข้นแค้น จนต้องออกมาเสี่ยงดวง
ต่อมาโลกเปลี่ยนไป “แก๊งลูกหมู” ที่เคยค้าทาส แรงงาน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นองค์กรอาชญากรรม ทั้ง “ค้ายา-เรียกค่าไถ่” เอาเงินจากคนจีนด้วยกัน หากครอบครัวเหยื่อไม่มีเงิน ไม่ยอมจ่าย แก๊งดังกล่าวจะ ใช้พฤติกรรมโหดเหี้ยมด้วยการฆ่าหั่นศพ เพื่อให้ทางการไทยยากต่อการติดตามจับกุม
มาถึงโลกยุคปัจจุบันนี้ ที่กลายเป็นโลกไร้พรมแดนจากอินเทอร์เน็ต กลุ่มมิจฉาชีพชาวจีน ปรับตัวใช้วิธีการหลอกลวงผ่านทางออนไลน์ และมีวิธีการใหม่ๆ เกิดขึ้นมา ที่คนไทยต้องรู้เท่าทัน ดังนี้
- โรแมนซ์สแกม ลวงถ่ายโป๊ เรียกค่าไถ่ออนไลน์
กลุ่มคนจีน จะใช้คนหน้าตาดีทั้งชายและหญิง หลอกเหยื่อคนจีนด้วยกัน โดยเป้าหมายส่วนใหญ่ เป็นนักเรียนนักศึกษา วัยรุ่นที่อ่อนต่อโลก ถูกลวงให้รัก ยอมวิดีโอคอลกับมิจฉาชีพ จนกระทั่งยอมเผยเรือนร่าง ของสงวน
สุดท้ายถูกบังคับให้เหยื่อตกเป็นทาสเรียกค่าไถ่ โดยคนร้ายจะใช้การวิดีโอคอลสั่งการเหยื่อให้เดินทางข้ามประเทศ ลวงเอาเงินค่าไถ่จากครอบครัวจำนวนหลายล้านบาท ที่ผ่านมา ตำรวจไทยเคยช่วยเหยื่อนักศึกษาจีน ที่ถูกคนร้ายบังคับขู่เข็ญลักษณะนี้มาแล้ว
- ลวงกลุ่มดาราจีน มาถ่ายภาพยนตร์แล้วบังคับเป็นคอลเซ็นเตอร์
พัฒนาการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ แอบอ้างว่าตัวเองอยู่ในอุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศไทย ส่งบทภาพยนตร์ลวงเหยื่อให้ทดลองบทบาท จากนั้นว่าจ้างให้มาไทย แล้วหลอกข้ามชายแดนไปเมืองจีนเทา อย่างเช่น เคเคปาร์ค ชเวก๊กโก่ ก่อนจะถูกบังคับให้เป็นคอลเซ็นเตอร์ ลวงเพื่อนร่วมชาติ
- หลอกเหยื่อไปเป็นนักกีฬา อ้างได้เงินตอบแทนสูง
ล่าสุด คือกรณีของ สส.ปูอัด ที่คนร้ายกลุ่มจีนเทา ใช้วิธีการหลอกลวงว่าจะพาเยาวชนไทย ที่ส่วนใหญ่อายุเกิน 20 ปี ไปเป็นนักฟุตบอล ได้ค่าตอบแทนสูงๆ สุดท้ายถูกหลอกไปเมืองสแกมเมอร์ บังคับให้เป็นคอลเซ็นเตอร์แทน ขณะนี้ทางการพยายามช่วยเด็กไทย 5 คน ที่ถูกหลอกไปปอยเปต
- หลอกแลกเงินสกุลคริปโต หรือปล้น จี้ บังคับเอาทรัพย์
มีหลายคดีที่เกิดขึ้น ในลักษณะคนร้ายชาวจีน ปล้น จี้ ชิงเอาทรัพย์สินเงินดิจิทัลจากกลุ่มเพื่อนร่วมชาติ ที่ส่วนใหญ่แล้วคนร้ายกับเหยื่อก็จะรู้ไส้รู้พุงกันดี โดยล่าสุด เป็นคดีต้มตุ๋นคนจีนด้วยกันเอง 2 กรณี เป็นการชิงเงินสด 5 ล้านที่จะนำไปแลกคริปโต และหลอกเอาเหรียญคริปโตไป 8 ล้านบาท
ทั้ง 2 คดีนี้ ตำรวจไทยกำลังเร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาสอบสวน ให้เกิดความกระจ่าง
ท้ายสุดแล้ว ต้องบอกว่า แม้พฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะเปลี่ยนไป แต่จุดร่วมหนึ่งที่มีเหมือนกัน คือ การใช้เงินกับความโลภ ใช้รูปร่างหน้าตา มาหลอกลวงจูงใจเหยื่อ
สุดท้ายแล้ว เหยื่อจะตกเป็นทาสในทางใดทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการถูกเรียกเงินค่าไถ่ การบังคับให้เป็นคอลเซ็นเตอร์ หรือการหลอกลวง ชิงเอาเงิน เป็นต้น
คดีที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ย่อมส่งผลถึงภาพลักษณ์ประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะกลุ่มชาวจีนบางส่วนที่ทำธุรกิจสีเทาดำ ได้เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่ก่อเหตุ เหมือนไม่ยำเกรงกฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐ
ดังนั้น อาจถึงเวลาที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ต้องทบทวนมาตรการป้องกัน คัดกรองกลุ่มชาวจีนที่จะเข้าประเทศไทยอย่างจริงจัง ก่อนที่ไทยจะกลายเป็นแดนสวรรค์ของสแกมเมอร์จากประเทศจีนไปอีกแห่ง
……………..
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม