หนึ่งในปมร้อนการเมือง-เศรษฐกิจ-การเงิน ที่จบไม่ลงในปี 2567 ต้องมาต่อในปีนี้ ก็คือ การคัดเลือก “ประธานคณะกรรมการบริหารธนาคารแห่งประเทศไทย” หรือ “ประธานบอร์ด ธปท.”
หลัง “เสี่ยโต้ง-กิตติรัตน์ ณ ระนอง” อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง เจอตอ ไม่สามารถเข้าไปคุม “แบงก์ชาติ” ได้ตามที่ฝ่ายการเมืองใน “รัฐบาลเพื่อไทย” ต้องการ เพราะ คณะกรรมกากฤษฎีกาฯ มีความเห็นว่า “กิตติรัตน์” มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติฯ เพราะมีลักษณะต้องห้ามการเป็นประธานบอร์ดธปท.ตามพ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทยฯ
ส่งผลให้ กระทรวงการคลัง ไม่กล้าเอาชื่อ “กิตติรัตน์” เข้าที่ประชุมครม.เห็นชอบ เพื่อนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพราะเสี่ยงอาจโดนร้อง จน “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” เสี่ยงสะดุดขาตัวเองแบบ “เศรษฐา ทวีสิน” ที่ตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้กระทรวงการคลังต้องไปตั้งหลักกันใหม่ว่าจะเอาไงต่อ
กระนั้น ท่าทีก่อนหน้านี้ของ “พิชัย ชุณหวชิร” รมว.คลัง จากเพื่อไทย ชัดเจนว่า กระทรวงคลังจะเสนอชื่อคนใหม่ไปแทน “กิตติรัตน์” เพียงแต่ตอนนี้ รอตั้งหลักก่อน ทั้งการรอชื่อใหม่ที่ฝ่ายแกนนำเพื่อไทยจะส่งชื่อมา และรอดูว่า “ปรเมธี วิมลศิริ” รักษาการประธานบอร์ด ธปท. เวลานี้ ที่จะสิ้นสุดการเป็นบอร์ดธปท. กลางเดือน ม.ค.นี้ จะลาออกหรือไม่ หากไม่ลาออก ก็สามารถรักษาการต่อไปอีกระยะได้ แต่ถ้ามีการลาออก กระทรวงการคลังก็ต้องเร่งส่งชื่อใหม่ไปให้คณะกรรมการคัดเลือกฯ เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่ายังไงภายในเดือนม.ค.นี้ จะมีความชัดเจนในรายชื่อที่ส่งไปให้คณะกรรมการคัดเลือกฯ ทั้งชื่อจาก “กระทรวงการคลัง” และ “ธปท.”
ที่ถึงตอนนี้ มันชัดมาก “ฝ่ายการเมืองในกระทรวงการคลัง” ต้องการส่ง “คนของตัวเอง” ไปยึดกุมโครงสร้างบอร์ดธปท.ให้ได้
เมื่อ “กิตติรัตน์” เป็นไม่ได้ ก็ต้องเอาชื่อ “คนอื่น” ไปเสียบแทน ไม่มีทางยอมให้ “ประธานบอร์ดธปท.” มาจากฝั่ง “แบงก์ชาติ” ที่ก็มีสิทธิ์เสนอชื่อไปให้คณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่มี “สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์” เป็นประธานฯ ได้เช่นกัน
จากการแกะรอยข่าว พบว่า ตั้งแต่หลังปีใหม่ ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์พบว่า ฝั่ง “เพื่อไทย-จันทร์ส่องหล้า” และ “คนในตึกไทยคู่ฟ้า” รวมถึง “ฝ่ายการเมืองในกระทรวงการคลัง” ยังเงียบ ยังไม่มีข่าวหลุดออกมาว่า จะเสนอชื่อใครแทน “กิตติรัตน์” แต่ก็คาดว่า ฝ่ายการเมืองระดับเฮดๆ ในพรรคเพื่อไทย ที่ดูเรื่องเศรษฐกิจ คงมีชื่อ “ใครบางคน” อยู่ในลิสต์ที่เตรียมทาบทามไว้แล้ว แต่ยังปิดเงียบอยู่ เพราะต้องการให้ชัวร์ก่อนว่า ทาบทามไปแล้ว ไม่โดนปฏิเสธ ให้เสียเครดิต
อีกทั้งก่อนทาบทามและหลังทาบทาม อาจต้องมีการตรวจสอบ “ประวัติ-คุณสมบัติ” ในทางลับของตัวเองก่อนว่าชื่อที่จะทาบทาม ไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ
ที่สำคัญ ต้องเป็นชื่อที่สามารถ “คุยกันได้รู้เรื่อง-พร้อมรับสัญญาณจากเพื่อไทย” ในการเข้าไปคุม “บอร์ด ธปท.”
ไม่ใช่ดันไปแล้ว พอได้ตำแหน่ง กลับคุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่รับสาย ไม่ติดต่อกลับ ไม่สนองตอบ แบบนี้ “เพื่อไทย” ถ้าไม่ชัวร์ ไม่เอาแน่
ที่ก็คาดว่า ชื่อที่ “เพื่อไทย-ฝ่ายการเมืองในกระทรวงการคลัง” จะทาบทาม “โปรไฟล์การทำงาน” ต้องดูดีระดับหนึ่ง ไม่ใช่ชื่อหลุดออกมาแล้ว มีแต่คนร้องยี้-มีแรงต้านสูง
ยิ่งเมื่อมีกระแสข่าว ธปท. ทาบทาม “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรมว.คลัง ในสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และยังเป็น อดีตเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) แหล่งรวมเทคโนแครตของประเทศไทย
แค่นั้นไม่พอ ข่าวบอกว่า ธปท.ยังทาบทาม “วิรไท สันติประภพ” อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย อีกคนหนึ่งด้วย รวม 2 ชื่อ เพื่อเสนอชื่อไปให้คณะกรรมการคัดเลือกฯพิจารณา
ยิ่งทำให้ “เพื่อไทย” ต้องคิดหนัก เพราะชื่อชั้นของ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ-วิรไท สันติประภพ” อยู่ในระดับ “เกรดเอ-โปร์ไฟล์เด่น” ผ่านตำแหน่งสำคัญๆ มาแล้วทั้งสองคน อีกทั้ง “แบ็กอัพดี” ก็ดูจะไม่ธรรมดา
ดังนั้น “คู่เทียบ” ที่ กระทรวงการคลัง จะส่งชื่อไป ก็ต้องพอสูสีหรือสู้ได้กับ “อาคม-วิรไท” หากเกิดว่า ทั้งสองคนตอบรับ เทียบเชิญของธปท. หรือตอบรับคนใดคนหนึ่งแล้วอีกคนปฏิเสธ ซึ่งมีแนวโน้มอาจออกสูตรนี้ คืออาจมีแค่ชื่อใดชื่อหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ตอบรับทั้งสองคน หรือก็ไม่แน่ อาจไม่ตอบรับเลยทั้งสองคนก็ยังได้
จึงต้องรอติดตามต่อไป เพราะทั้ง “อาคม-วิรไท” มีหรือจะอ่านไม่ออกว่า คณะกรรมการคัดเลือกฯที่ตั้งมาโดยกระทรวงการคลัง ยังไงการเลือกปธ.บอร์ดแบงก์ชาติฯ กรรมการเสียงข้างมากต้องเทน้ำหนัก เลือกคนที่กระทรวงการคลังส่งชื่อมา มากกว่าที่จะเลือกคนจากฝั่งธปท.
ก็จากรอบที่แล้ว “เสี่ยโต้ง-กิตติรัตน์” โดนต่อต้านทุกทิศทาง ขนาดระดับ “อดีตผู้ว่าฯธปท. 4 คน” ลงชื่อคัดค้านไม่ให้ฝ่ายการเมืองส่งคนมายึดธปท. และยังมีอดีตผู้บริหารธปท.จำนวนมาก ร่วมลงชื่อในหนังสือเปิดผนึกกับนักวิชาการ-นักเศรษฐศาสตร์ คัดค้านไม่ให้การเมืองเข้าไปยึดธปท. หลายร้อยคน รวมถึง “กระแสสังคม” ที่ส่วนใหญ่ “ไม่เอากิตติรัตน์” ที่มีภาพการเมืองกับ “เพื่อไทย” ชัดเจนเกินไป แต่สุดท้ายคณะกรรมการคัดเลือกฯก็ไม่สนใจทุกกระแสคัดค้าน ยังลงมติด้วยเสียงข้างมากเลือก “กิตติรัตน์” จนได้ ก่อนจะถูกกฤษฎีกาฯสกัด
เช่นเดียวกับรอบนี้ หากชื่อที่กระทรวงการคลังไปให้คณะกรรมการคัดเลือกฯ ถ้าไม่ขี้เหร่เกินไป เป็นคู่เทียบที่พอสู้กับชื่อจากฝั่งธปท.ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ ยังไงคณะกรรมการคัดเลือกฯก็ย่อมมีโอกาสเลือก “คนของฝั่งกระทรวงการคลัง” มากกว่าที่จะเลือกชื่อมาจาก “ฝั่งแบงก์ชาติ”
ยกเว้นแต่ชื่อที่ส่งมา ใช้ไม่ได้จริงๆ มีปัญหาเรื่องการยอมรับ อีกทั้งกรรมการฯดูแล้ว อาจมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติอีก แล้วเกิด “อาคม” หรือ “วิรไท” คนใดคนหนึ่ง ตอบรับเทียบเชิญธปท. ก็ไม่แน่…กรรมการคัดเลือกฯบางคน อาจยอมหักกับรัฐบาล โหวตเลือกชื่อจากฝั่งธปท.ก็ได้
กระนั้น กรณีเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อชื่อจากกระทรวงการคลัง ชื่อชั้นแย่มากจริงๆ แต่หากไม่ถึงขั้นแย่เกินไป เชื่อไว้ก่อนว่า ชื่อจากฝั่งกระทรวงการคลัง ย่อมมีโอกาส-แต้มต่อสูงกว่า ชื่อจากฝั่งวังบางขุนพรหม-แบงก์ชาติแน่นอน
………………
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย…“พระจันทร์เสี้ยว”
