ขณะนี้ผู้คนในสังคมต่างจับจ้องไปที่ โปรเจกต์ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ที่มี “บ่อนกาสิโน” พ่วงมาด้วย ซึ่งผลักดันโดย “พรรคเพื่อไทย” ขณะเดียวกันครม. “นายกฯแพทองธาร ชินวัตร” ก็มีมติเห็นชอบให้แก้ “การพนันออนไลน์” ที่ผิดกฎหมายเป็น “การพนันที่ถูกกฎหมาย” พ่วงไปกับ “ร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร”
เรียกได้ว่า “ขุดบ่อนพนันใต้ดินมาอยู่บนดิน” เปิดพนันเสรีครบรูปแบบกันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” เป็นนโยบายใกล้มือที่สุด ที่รัฐบาลจะใช้เป็นเครื่องยนต์ “ปั๊มเศรษฐกิจ” หากวัดความสำเร็จในเชิงเศรษฐกิจอย่างกรณี “มาเก๊า” มีรายได้จากเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ 1.2 ล้านล้านบาทต่อปี, “สิงคโปร์” มีรายได้ 4.3 แสนล้านบาทต่อปี, “เกาหลีใต้” มีรายได้ 3.2 แสนล้านบาทต่อปี, “ฟิลิปปินส์” มีรายได้ 2.2 แสนล้านบาทต่อปี และ “เวียดนาม” มีรายได้ 1.8 แสนล้านบาทต่อปี เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบว่า ขนาดตลาด 54 ล้านล้านบาทในปี 2022 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปี 4 ใน 7 ประเทศมีรายได้จากเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์สูงสุดอยู่ในอาเซียน สะท้อนถึงแนวโน้มธุรกิจที่แข็งแกร่งในภูมิภาคนี้
กรณีสิงคโปร์ GDP มีรายได้ภาษีเพิ่มขึ้น 4.4 แสนล้านบาท จำนวนท่องเที่ยว (ช่วงปี 2010-2023) เติบโต 47% มีการจ้างงาน 20,000 ตำแหน่ง แต่ในส่วนของไทย ยังมีคำถามมากมายว่า มีความพร้อมแค่ไหน ทั้งในเรื่องกฏหมายรองรับ การบังคับใช้กฏหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ
น่าสังเกตว่า โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่ใบอนุญาตครั้งแรก ฉบับละ 5,000 ล้านบาท ถือว่าน้อยมากๆ น้อยกว่าเงินหมุนเวียนในเว็บพนันออนไลน์เสียอีก อีกทั้งโครงการนี้ ไม่มีการศึกษาความเป็นไปได้เหมือนกับการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ทั่วๆ ไป
ขณะเดียวกันต้องไม่มองข้าม “มิติทางสังคม” เรื่องนี้ “ผศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล” จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า จากงานวิจัยเมื่อปี 2017 ซึ่งเผยแพร่ในวารสาร Gaming Studies ซึ่งเป็นวารสารวิจัยชั้นนำของโลก นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Buffalo นิวยอร์ก สหรัฐฯ ได้ทำการศึกษาผลของการมีกาสิโนว่า ยิ่งมีกาสิโนถูกกฎหมาย ในพื้นที่ใด และนานขึ้นเท่าใด จะมีผลทำให้ผู้คนที่มีปัญหาการพนันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเวลาคนติดการพนัน ก็จะมีผลต่อปัญหาหนี้ครัวเรือน สถาบันครอบครัวไม่เข็มแข็ง และมีปัญหาอาชญากรรม โดยกาสิโนถูกกฎหมายนั้น มีความสัมพันธ์ต่ออัตราการเกิดอาชญากรรมในสหรัฐฯ
“จากผลการศึกษาฯพบว่า คนติดพนันมีแนวโน้มฆ่าตัวตายสูงกว่าคนปกติ 12 เท่า และเมื่อติดการพนันแล้ว ต่อให้มีการบำบัดแล้ว โอกาสกลับมาเป็นทรัพยากรที่มีศักยภาพเป็นไปได้ยากมาก ดังนั้น รัฐบาลที่มองการณ์ไกลและหวังดีต่อประเทศชาติและประชาชน จะไม่นำประชาชนไปติดพนันก่อน แล้วนำมาบำบัด”
ส่วน “ผลกระทบทางเศรษฐกิจ” จากผลการศึกษาของ ศ.เอิร์ล ไกรโนลลส์ ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านการคลัง ทำการศึกษาในเรื่องการพนันมายาวนาน ได้มีผลศึกษาที่น่าตกใจว่า เงิน 1 ดอลลาร์ที่ได้มาจากภาษีกาสิโน แต่รัฐต้องเสียงบประมาณในการเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากกาสิโน 3 ดอลลาร์ฯ คือ “ได้ไม่คุ้มเสีย”
ขณะที่ ผลการศึกษาของมลรัฐนิวเจอร์ซีย์ พบว่า แม้ว่ากาสิโนจะทำให้การจ้างงานเพิ่มขึ้นจริง แต่เป็นการจ้างที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกับประเทศ ส่วนใหญ่ไม่ต้องมีทักษะมากมาย
สุดท้าย ผลศึกษาของ Federal Reserve Bank of Philadelphia ระบุว่า การมีกาสิโนถูกกฎหมายในเมืองแอตแลตติกซีตี้ ไม่ได้เกิดผลดีต่อพื้นที่ เพราะถ้าดูในแง่รายได้ พบว่ารายได้เฉลี่ยของประชากรต่ำกว่าพื้นที่อื่นๆ ในมลรัฐเดียวกัน และมีความยากจนสูงมาก โดยจำนวนคนสัดส่วนคนที่ต่ำกว่าเส้นยากจนในแอตแลตติกซิตี้อยู่ที่ 32.4% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของทั้งมลรัฐอยู่ที่ 9.7% สะท้อนว่า การมีกาสิโนไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
ในส่วนของพนันออนไลน์ที่อยู่ใต้ดิน ที่เป็นเงินไม่ถูกต้องโดยรัฐบาลจะนำมาไว้บนดิน คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน ในการแก้ปัญหาพนันออนไลน์ เช่น การพนันบอล ที่คนไทยเล่นกันมาก หรือการพนันอื่นๆ ที่อยู่ในโลกออนไลน์ทั้งหมด รวมทั้ง โครงสร้างการพนันที่เป็นระบบดิจิทัล ที่ผ่านมาไม่ได้เสียภาษี
ขณะที่ มิติทางสังคมของพนันออนไลน์ มีข้อมูลจาก “ศูนย์ศึกษาการพนัน” รายงานถึงสถานการณ์การพนันในสังคมไทยปี 2566 ข้อมูลจากการสำรวจแบบสัมภาษณ์ซึ่งหน้า กับเด็กอายุ 15 ปีขึ้นไปใน 24 จังหวัด ระหว่าง 15 พ.ย.–27 ธ.ค.2566 พบว่า ปี 2566 มีคนไทยมากถึง 63.1% หรือประมาณ 34.51 ล้านคนที่เล่นการพนันเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านคนจากการสำรวจปี 2564 ซึ่งมีคนไทยเล่นการพนันร้อยละ 59.6 ประมาณ 32.33 ล้านคน ข้อมูลที่น่าตกใจที่ได้จากการสำรวจครั้งนี้คือ เด็กอายุ 15-18 ปี เล่นการพนันสูงถึง 1.06 ล้านคน และเยาวชนอายุ 19-25 ปี เล่นการพนัน 3.92 ล้านคน ส่วนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปก็เล่นการพนันถึง 4.47 ล้านคน ขนาดยังไม่มีพนันออนไลน์แบบถูกกฏหมาย
ในการสำรวจยังพบว่า “การพนันออนไลน์” มาแรงที่สุด คนเล่นโตแบบก้าวกระโดด จาก 1.94 ล้านคนในปี 2564 เป็น 5.66 ล้านคนในปี 2566 เกมยอดนิยมคือ สลอตแมชชีน/เกมพนัน 72.0% ไพ่บาคารา/ป๊อกเด้ง 35.2% ไฮโล/โปปั่น/นํ้าเต้าปูปลา 16.0%
ฉะนั้น “พนันออนไลน์เสรี” เปิดบริการเมื่อไหร่ “หนี้นอกระบบ-หนี้ครัวเรือน” กระฉูดแน่นอน !!!
…………….
คอลัมน์ : เศรษฐศาสตร์ข้างทาง
โดย “ทวี มีเงิน”
สนับสนุนคอลัมน์ โดย : บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
