กรมควบคุมโรค ห่วงเคมีอันตราย เกาะ PM2.5 ทะลวงลึกถึงถุงลม ก่อมะเร็งปอดระยะยาว พร้อมเผยฝุ่นพิษทำร้ายเซลล์หลอดเลือด ก่อโรคหัวใจตีบ เส้นเลือดสมองอุดตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผอ.กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลกระทบฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ว่า ข้อมูลสะสมตั้งแต่ ต.ค.2567-ม.ค.2568 มีรายงานผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคที่เฝ้าระวังประมาณ 1 ล้านราย มากที่สุดคือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นราว 2 แสนราย เป็นต้น
ทั้งนี้การที่คนเราได้รับฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่อง กรณีที่ป่วยอยู่แล้ว ในระยะยาวจะทำให้ป่วยรุนแรง เช่นปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือหอบหืดอยู่แล้ว แทนที่จะหายใจได้บ้างก็กลายเป็นหายใจลำบาก เพราะฝุ่นทำให้โรคไม่หายเสียที นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับสารเคมีตัวอื่นที่เกาะกับฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายได้ด้วย ฝุ่น PM 2.5 เข้าไปได้ลึกถึงถุงลม สารเคมีที่มาจับกับฝุ่นก็ลงไปได้ลึกเท่านั้น ที่เรากังวลคือการก่อมะเร็งปอดในอนาคต
เมื่อถามว่า การได้รับ ฝุ่น PM2.5 อยู่เรื่อยๆ ระยะยาวทำให้อวัยวะที่ได้รับผลกระทบทำงานอ่อนแอลงด้วยหรือไม่ พญ.ฉันทนา กล่าวว่า มันคงไม่เหมือนโควิด ซึ่งผลกระทบจริงๆ ของฝุ่น PM 2.5 นั้นเข้าไปทำร้ายเซลล์หลอดเลือด เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้ผนังเส้นเลือดไม่แข็งแรง หรือกรณีที่เกิดอัมพาต อัมพฤกษ์ โรคเกี่ยวกับสมองเพราะฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้เส้นเลือดสมองไม่แข็งแรง ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย
เมื่อถามว่า ฤดูฝุ่นมาเป็นระยะ พอพ้นไปแล้วร่างกายจะสามารถฟื้นตัวได้หรือไม่ พญ.ฉันทนา กล่าวว่า ถ้าเป็นกรณีการอักเสบ เหมือนเป็นแผล ถ้าไม่มีฝุ่น PM2.5 เข้ามาทำให้เกิดการระคายเคืองอีก ก็สามารถหายได้ แต่กรณีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืดก็จะเข้าสู่ภาวะโรคปกติ เช่น ยังต้องพ่นยาอยู่ แต่ก็ไม่ต้องพ่นเยอะเหมือนช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 แต่ในส่วนของมะเร็งนั้น อาจจะต้องดูระยะยาว นี่คือสิ่งที่เราต้องติดตาม
“เรื่องของมะเร็งปอดที่มาจากฝุ่น PM2.5 ยังต้องเก็บข้อมูลในระยะยาว แต่เราก็เห็นตัวอย่างในหลายๆ ประเทศแล้ว แม้แต่ในไทยเองก็พบมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ทั้งที่มีประวัติคลีนมาก ก็อาจเป็นเรื่องของฝุ่นเป็นหลัก ตอนนี้จึงมีการศึกษาวิจัยไปข้างหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นไหม ตอนนี้เราคาดการณ์จากประเทศอื่นๆ ที่เขาทำวิจัย ส่วนของไทยเราเพิ่งเริ่ม ยังไม่นานพอที่จะทำให้เห็นว่ามันเกี่ยวกับฝุ่น แต่ก็พอเห็นเคสที่มีความเป็นไปได้ว่ามาจากฝุ่น” พญ.ฉันทนา กล่าว
พญ.ฉันทนา กล่าวต่อว่า วันนี้ปัญหาฝุ่น PM2.5 มาจาก 3 ปัจจัยหลักๆ คือ การเผาในที่โล่ง ซึ่งพบมากที่สุดในตอนนี้ ต่อมาเป็นโรงงานอุตสาหกรรม และการคมนาคมขนส่ง นอกจากฝุ่น PM 2.5 ยังมีสารพิษที่น่ากลัว และน่ากังวลที่สามารถเกาะมากับ PM2.5 คือ สารสารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbon : PAHs) โดยเฉพาะการเผาไหม้ที่เกิดจากการเผายาง หรือการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดสาร PAHs เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้สังคมมองว่า รัฐบาล กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการเกี่ยวกับเรื่อง PM 2.5 น้อยมาก และล่าช้ามาก ซึ่งในทางปฏิบัติ ได้มีการทำอะไรไปแล้วบ้าง พญ.ฉันทนา กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ก็พยายามแจกแจงว่า ความเจ็บป่วยที่เกิดในฤดูฝุ่นนั้นมากน้อยแค่ไหน แต่การแจกแจงจะสำเร็จได้ ฝ่ายตรวจรักษาต้องช่วยกันรายงานผลด้วย ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะรายงานเข้ามาน้อยอยู่ หรือยังมีข้อสงสัยว่าโรคที่เกิดขึ้นต่างๆ ในฤดูฝุ่นนั้นเกิดจากฝุ่นจริงหรือไม่ ตรงนี้เราก็พยายามอยู่.