วันศุกร์, มกราคม 24, 2025
หน้าแรกHighlightนายกฯสั่งการจากดาวอสให้ทุกหน่วยงาน ระดมสรรพกำลัง‘แก้ฝุ่นควัน’เร่งด่วนทันที
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นายกฯสั่งการจากดาวอสให้ทุกหน่วยงาน ระดมสรรพกำลัง‘แก้ฝุ่นควัน’เร่งด่วนทันที

นายกฯ สั่งการจาก”ดาวอส” ให้ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลัง แก้ไขฝุ่นควันเร่งด่วนทันที พร้อมให้ กทม. และ กระทรวงที่เกี่ยวข้องอาทิ ศึกษาธิการตัดสินใจออกประกาศในส่วนที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในแต่ละพื้นที่

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 23 ม.ค.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและทวิตข้อความผ่าน X กรณีเกิดฝุ่นจำนวนมากในกรุงเทพฯและหลายพื้นที่ในประเทศไทย ว่า ดิฉันไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะทราบดีว่านี่คือวิกฤตสุขภาพของคนไทยทั้งประเทศ ระหว่างเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2568 ก็ได้มีการหารือกับทีมรัฐบาลในประเทศเป็นระยะ โดยวันนี้ดิฉันได้ขอให้ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังแก้ไขฝุ่นควันทันที เบื้องต้นได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ใช้กลไกตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บริหารสถานการณ์ฝุ่นควัน และเร่งจัดตั้งศูนย์ที่ทำหน้าที่สื่อสารให้ข้อมูลกับประชาชนโดยให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นที่ปรึกษาและเพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีความต่อเนื่อง

นายกฯ ระบุต่อว่า นายอนุทิน ร่วมกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ กำหนดมาตรการเฉพาะหน้า ที่จะให้ความช่วยเหลือประชาชน และบรรเทาสถานการณ์ให้ดีขึ้นโดยเร็ว ควบคู่ไปกับการติดตามการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น นอกจากนี้ ให้รมว.การต่างประเทศ ประสานกับรัฐมนตรีอาเซียน ขอความร่วมมือแก้ปัญหาเรื่องนี้ร่วมกัน

นายกฯ ระบุอีกว่า ขณะที่ในระยะสั้นนี้ ขอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง พิจารณามาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาปัญหา ดังต่อไปนี้ 1.ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ

ตัดสินใจทันทีเรื่องการประกาศหยุดเรียนของนักเรียนในสังกัด กทม. ให้ กทม.ใช้ 9 มาตรการ เช่น เข้มงวดตรวจวัดตรวจจับรถยนต์ควันดำทุกประเภท ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนที่กำหนด, ขอความร่วมมือทำงานหรือปฏิบัติงานในที่พัก (Work From Home) , เข้มงวดตรวจตราควบคุม ไม่ให้มีการเผาขยะหรือการเผาในที่โล่งทุกประเภท

นายกฯ ระบุด้วยว่า 2.กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำเนินมาตรการ งดการรับซื้ออ้อยไฟไหม้ และกวดขันโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและปราบปรามเข้าตรวจสอบเป็นระยะ 3.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บังคับใช้กฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวดกับผู้เผาป่า เผาตอซังข้าว ข้าวโพด อ้อยและพืช ในทุกหมู่บ้านทุกอำเภอทั้งประเทศ และตั้งศูนย์ปฏิบัติการในพื้นที่ 14 กลุ่มป่า ตั้งจุดเฝ้าระวังไฟในพื้นที่ป่า และแผนการจัดจ้างคนในชุมชนประจำจุดเฝ้าระวังอีก 1,585 จุด ดำเนินคดีกับผู้เผาป่า ด้วยกม.ป่าไม้ที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ และบังคับใช้กฎหมายกับผู้เผา อาทิ กฎหมายสาธารณสุข กฎหมายการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และประมวลกฎหมายอาญา โดยให้รายงานสถิติการจับกุม

นายกฯ ระบุต่อว่า 4.กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กำหนดมาตรการห้ามนำเข้าอ้อยไฟไหม้ รวมทั้งพืชเกษตรอื่นๆ ที่ผ่านการเผาอย่างเด็ดขาด และให้ตรวจสอบตามด่านพรมแดนที่มีการนำเข้าอย่างเข้มงวด 5.กระทรวงคมนาคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้กวดขันจับกุม ห้ามใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะรถปิคอัพ รถโดยสาร รถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่ปล่อยควันดำ รวมทั้งรถโดยสารของ ขสมก. และรถร่วมบริการเส้นทางต่างๆ ที่อยู่ในความดูแลของรัฐ โดยขอให้ตรวจสอบและกวดขันการจับคุมอย่างเข้มงวด และในกรุงเทพมหานคร ขอให้กองบังคับการตำรวจจราจรตั้งด่านตรวจควันดำใน 4 มุมเมืองของกรุงเทพมหานคร

6.กระทรวงมหาดไทย กำชับให้ กทม. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง

ควบคุมการก่อสร้างในเขตพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันการปล่อย PM 2.5 จากไซต์งานก่อสร้าง รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดให้กับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือมาตรการดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการตามกม.กับผู้เผา

นายกฯ ระบุว่า 7.กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ขอให้ขึ้นบินปฏิบัติการต่อเนื่องในการเจาะชั้นบรรยากาศเร่งระบายและลดการสะสมของฝุ่น PM 2.5 รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ กรมการข้าว และ กรมฝนหลวง และการบินเกษตร ลงพื้นที่ให้ความรู้แก่เกษตรกรในการทำเกษตรกรรมแบบปลอดการเผา 8.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับ กระทรวงอุดมศึกษาฯ และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ พัฒนา Platform ฐานข้อมูลกลางเกี่ยวกับ hotspot และ ventilation โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม หรือ low cost sensors เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ นำไปใช้ในการแก้ปัญหาการฟุ้งกระจายของ PM2.5 อย่างบูรณาการ 9.กระทรวงการต่างประเทศ หารือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อร่วมมือและให้ความช่วยเหลือในการลดปัญหาฝุ่นควันข้ามพรมแดน และ 10.กระทรวงสาธารณสุข ให้สาธารณสุขทั่วประเทศ คุมเข้ม 5 มาตรการ ทั้งนี้ ฝุ่นควัน คือวาระแห่งชาติ รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจและจะเดินหน้า ทำทุกมาตรการให้เกิดผลโดยเร็ว

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img