วันศุกร์, มกราคม 24, 2025
หน้าแรกHighlight‘จตุพร’เชื่อพรรค‘เพื่อไทย’จุดจบแบบเดิม ซัดหมดความชอบธรรม-พฤติกรรมโกงกิน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘จตุพร’เชื่อพรรค‘เพื่อไทย’จุดจบแบบเดิม ซัดหมดความชอบธรรม-พฤติกรรมโกงกิน

”จตุพร” เชื่อเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ไม่ใช่เกมการเมืองเอาคืน คาดทักษิณ ลุอำนาจ เพื่อไทยสิ้นชอบธรรม นักการเมืองไร้ซื่อสัตย์ จุดจบ ปชต.แบบเดิมๆ เชื่อ นายกฯ ยังไม่ยุบสภา แต่ดึงยื้อในสภาพไม่มีผลงานจะเดินจุดจบแบบเดิม มี สส.มากก็ช่วยไม่ได้

เมื่อวันที่ 24 ม.ค.68 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์สดว่า การเพิกถอนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ให้เป็นที่ธรณีสงฆ์ไม่ใช่การเอาคืนทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย เพราะกระทรวงมหาดไทยถ้าไม่ทำก็ติดคุกเสียเอง

“เรื่องนี้ ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องการเมืองอะไร แต่เป็นเรื่องต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ตามกฎหมายที่มีทั้งคำพิพากษาของศาลและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีโดยที่ประชุมใหญ่ จึงเป็นอื่นกันไม่ได้”

อย่างไรก็ตาม กรณีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ก่อนพ้น รมช.มหาดไทย ได้เซ็นคำสั่งให้กรมที่ดินปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลและการวินิจฉัยของกฤษฎีกา ดังนั้น ทุกอย่างจึงอิงด้วยข้อกฎหมาย ส่วนการชดเชยนั้น ทำได้เฉพาะคนสุจริต แต่กรณีนี้เหมือนเป็นการสมคบคิดกันหาประโยชน์มาตั้งแต่ต้น

“ผมว่าถ้าเอาเงินแผ่นดินไปชดใช้แล้ว คนจะลุกฮือกันมากในเรื่องนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำกันมาตั้งแต่ต้น และเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อนในวันเวลาที่ตัวเอง (ทักษิณ ชินวัตร) มีอำนาจ ซึ่งไม่ได้ต่างกันจากกรณีอื่นๆ ที่ศาลเคยพิพากษาคดีทุจริตเอาไว้”

พร้อมทั้งกล่าวว่า ในแต่ละกระบวนการทั้งทางศาลปกครองก็ตาม สิ่งที่ต้องพิสูจน์เป็นหลักสำคัญ คือเจตนาได้ที่ดินอัลไพน์มานั้น สุจริตหรือทุจริตและสมคบคิดตั้งใจกระทำความผิดมาตั้งแต่ต้น เพราะที่ดินอัลไพน์เป็นที่ดินมรดกยกให้วัด ไม่ใช่ที่ดินบริจาค และกฤษฎีกาวินิจฉัย แล้วศาลพิพากษาตามแนวทางของกฤษฎีกา

“ต้องถามว่าในวันนั้นใครเป็นนายกฯ ที่ไปเพิกถอนที่ดินมรดกของวัด และไม่ปฏิบัติตามแนวทางของกฤษฎี นั่นคือคำตอบ เพราะมีการเพิกถอนคำสั่งกรมที่ดินที่ทำตามกฤษฎีกา แล้วต่อมาศาลสั่งให้เพิกถอนที่ดินอัลพน์กลับมาเป็นของวัด แต่ไม่ทำตาม ทั้งหมดตามกระบวนการนี้เกิดในวันที่ที่ทักษิณ เป็นนายกฯ”

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าเรียงเรื่องอัลไพน์แล้ว คนระดับทักษิณ ซึ่งเป็นนายกฯ ไม่รู้หรือว่า อะไรเป็นอะไร และเป็นที่ดินมีที่มาจากไหน อย่างไร ซึ่งย่อมต้องรู้ เพราะเป็นคนที่รู้ทุกเรื่องอยู่แล้ว ทำไมเรื่องที่ดินอัลไพน์ไม่ไป “สทร.” กันบ้าง

อีกทั้งทักษิณ ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน แต่แสดงตนเป็นเจ้าของยิ่งจะเป็นปัญหากันต่อไป เพราะสิ่งที่น่าวิตกคือคำว่า จริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเทียบเคียงกับกรณีของอดีต รมช.กนกวรรณ วิลาวัลย์ หรือ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ที่ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. และบุกรุกป่าสงวน แล้วถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ส่วนกรณีที่ดินอัลไพน์กลับหนักกว่าด้วยซ้ำ

ส่วนจะเป็นสาเหตุการยึดอำนาจหรือไม่นั้น นายจตุพร กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลยึดแนวทางประชาธิปไตยตามที่กล่าวอ้างแล้ว กรณีที่ดินอัลไพน์จะเดินตามแนวทางของกฎหมาย แต่ตนได้พูดหลายครั้งว่า การยึดอำนาจนั้นจะมีต้นเหตุมาจากนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชัน ประพฤติมิชอบ ลุแก่อำนาจ แต่ละเรื่องราวมาจากการทำตัวเองของนักการเมืองทั้งสิ้น

“ผมมักพูดเสมอว่า ไม่มีใครไปเปิดประตูให้รัฐประหารได้ดียิ่งกว่าการกระทำของนักการเมืองที่มีอำนาจ ลุแก่อำนาจและทุจริตฉ้อฉล ดังนั้นอย่าโทษประชาชน เพราะประชาชนไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว”

อีกทั้งกล่าวว่า ประชาชนที่ยืนขวางการตั้งบ่อนกาสิโนและการพนันออนไลน์นั้น ส่วนคนของพรรคการเมืองที่เป็นความคิดแบบเสด็จพี่กลับบอกให้ไปตั้งพรรคการเมืองมาแข่งขันกัน หรือเป็นความคิดแบบเจ้าเงาะพูดว่าเป็นพวกอกหัก และโฆษกรัฐบาลพูดใส่ความว่า รับเงินจากทุนสีเทามาล้มบ่อนกาสิโน ทั้งที่เงินตั้งบ่อนกาสิโนและการพนันออนไลน์ก็เป็นเงินเทากันทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม คนของพรรคการเมืองมักอธิบายยัดเยียดใส่ความประชาชนตามแบบเดิมๆ มาตลอด และไม่เคยชนะอะไรเลย จนท้ายที่สุดก็มีอันเป็นไปกันทั้งนั้น การใช้วิธีการแบบนี้ยังไม่เข็ดหลาบกันอีกหรือ?

“เมื่อเศรษฐกิจของประเทศพังกันทั้งระนาบ รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการแจกเงิน สร้างบ่อนกาสิโนและยกบ่อนการพนันออนไลน์มาไว้บนดินจะดึงรายได้จากต่างประเทศเข้ามา แต่บ่อนพนันออนไลน์มันไม่ได้สูบเงินที่ไหน แต่สูบเลือดเนื้อคนไทยในชาติ แล้วท้ายสุดประเทศก็พินาศย่อยยับ ดังนั้น ทุกเรื่องราวขณะนี้มันเป็นเรื่องเดิมๆ ที่เคยฉิบหายและจะฉิบหายต่อไป”

ส่วนทักษิณ บอกมีแต่คนขวาง เพราะพรรคเพื่อไทยไม่มีเสียงมาก การทำงานเข้าขากันก็ลำบากจึงให้มี สส.ได้มากกว่าพรรคอื่นนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นหลักคิดที่สู้กันด้วยเรื่องจำนวนกับการทำงานของรัฐบาล ถ้าพรรคเพื่อไทยได้ สส.มากกว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อก่อนเคยมี สส.มาแล้วถึง 377 คนยังอยู่ได้ปีเดียว สมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ได้ 265 เสียงก็อยู่ได้ไม่ครบ 3 ปีด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม การที่พรรคเพื่อไทยแสวงหาแต่ตัวลข ไม่แสวงหาความชอบธรรมถูกต้อง เพราะความเป็นธรรม และได้โชว์ศักยภาพการทำงานมาก่อนจำนวน สส.ก็สามารถยืนอยู่ได้ โดยจำนวน สส.ไมใช่เครื่องหมายการเอาตัวรอดได้ เวลาพินาศรัฐบาลยังย่อยยับ จนไม่สามารถสั่งการได้สักหน่วยงานเลย

“ไม่เข้าใจอีกเหรอว่า ที่มันขาดคือความซื่อสัตย์สุจริต คือความชอบธรรม และการรู้จักใช้อำนาจให้พอดี ซึ่งสิ่งนี้เป็นการยอมรับและเป็นจุดแข็ง แต่กลับไปแสวงหาจำนวน สส. ที่เป็นแค่จุดอ่อน แล้วท้ายสุดถ้าไม่หยุดพฤติกรรมที่ไล่เรียงมานั้น มันก็จบลงที่จุดเดิม เพราะคุณไม่เคยชนะในสนามการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันเลย แม้จะชนะในสนามการเลือกตั้ง ที่รู้ว่าชนะมาด้วยอะไร”

นายจตุพร กล่าวว่า ทักษิณ และนายกฯ ยังไม่อยากยุบสภา จึงต้องเล่นบทเกรี้ยวกราดให้ดูเสมือนเป็นผู้แข็งแรง เพื่อให้ได้ชนะ แต่ยังเดินไปหาในจุดที่ขาดความชอบธรรม แล้วจะเอาอะไรมาชนะ เพราะท้ายสุดความไม่ชอบธรรมและการลุอำนาจจะกลับมาทำลายตัวเอง แล้วเคยจบอย่างไรก็จะจบอย่างนั้น

ประเทศไทยต้องมาก่อน

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img