“ปกรณ์วุฒิ” มั่นใจ ศึกเลือกตั้งนายกฯอบจ.สู้ได้ ชี้ ทุกจังหวัดที่ส่งมั่นใจมีลุ้น เชื่อ ปชช.มีวิจารญาณพอว่าเงินที่แจกคือภาษีไม่ใช่เงินของคนใดคนหนึ่ง หลัง แจกเงินหมื่นเฟส2 ใกล้วันหย่อยบัตร
วันที่ 28 ม.ค.2568 เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชนในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงช่วงโค้งสุดท้ายในการหาเสียงเลือกตั้งอบจ. ว่า การเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 1 ก.พ. โค้งสุดท้ายคงผ่านพ้นไปในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เหลือในวันที่ 31 ม.ค. ที่ไม่มีประชุมสภาสิ่งที่อยากให้สส.ของพรรคทำคือการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์ให้มากที่สุด เพราะสำหรับบ้านเกิดของท่านหมายถึงงบประมาณหลักพันล้านบาท อนาคตอีก 4 ปีจังหวัดบ้านเกิดของท่านจะหน้าตาเป็นอย่างไร รวมถึงการจับตาเหตุการณ์ที่ผิดปกติในการเลือกตั้งเราจะจับตาอย่างเช่นเคย
เมื่อถามว่า กระแสตอบรับของผู้สมัครนายกอบจ. ของพรรคประชาชนเป็นอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ดี เป็นที่น่าพอใจ นอกจากการตอบรับและกำลังใจของประชาชนที่มอบให้ เรายังเห็นการทำงานอย่างเข้มแข็งของทีมงานเครือข่ายพรรคแต่ละจังหวัด ที่พยายามสร้างพรรคมวลชนขึ้นมา ซึ่งเราทำงานกันอย่างเต็มที่ค่อนข้างมั่นใจในคะแนนเสียง จะแพ้หรือชนะปัจจัยแต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน เราต้องให้เกียรติผู้แข็งขันเนื่องจากในหลายจังหวัดเป็นผู้ที่มีฐานคะแนนเสียงอยู่มากพอสมควร เรามั่นใจว่าสู้ได้
“ที่ผ่านมา ผมไม่ใช้คำว่ากลัว แต่คู่แข็งน่าจะเห็นเราอยู่ในสายตาอยู่พอสมควร กระแสที่ผ่านมาที่เห็นได้ชัดคือมีผู้สมัครหลายคนที่ลงในนามอิสระมักจะใช้เอกลักษณ์ของพรรคในการทำป้ายหาเสียง ซึ่งสะท้อนเป็นอย่าดีว่ากระแสพรรคยังคงอยู่ประชาชนยังคงให้การสนับสนุน”นายปกรณ์วุฒิกล่าว
เมื่อถามตั้งเป้าได้นายกฯอบจ.ไว้กี่ที่ นายปกร์วุฒิกล่าวว่า คงจะประเมินแบบนั้นไม่ได้ แต่เราเต็มที่ในทุกจังหวัดจริงๆ ทุกจังหวัดที่ส่งผู้สมัครเรามั่นใจว่ามีลุ้น
ส่วนการกำชับสส.ของพรรคให้เข้ามาประสภาฯนั้น นายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า เรากำชับกันตลอดว่าการจะไปช่วยหาเสียง ต้องไปวันที่ไม่มีประชุมสภาฯเพราะถือว่าไม่เป็นเวลาราชการ
เมื่อถามว่าการแจกเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท ในเฟสที่ 2 ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะทำให้การเลือกตั้งอบจ.พรรคประชาชนเสียเปรียบหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ด้วยจังหวะคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องถูกตั้งคำถาม ว่าการแจกเงินเฟส2ในช่วงที่ใกล้เคียงกับการเลือกตั้งแบบนี้จะเรียกว่าการซื้อเสียงหรือไม่ เราเชื่อว่าประชาชนมีวิจารญาณเพียงพอว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล เงินที่นำมาใช้คือภาษีของประชาชนไม่ใช่เงินของใครคนใดคนหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่จะต้องจับตาดู คือการแจกเงินรอบที่แล้วตัวเลขทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ คงต้องตรวจสอบกันต่อหลังเสร็จสิ้นโครงการแล้ว
เมื่อถามว่าเฟสที่ 3 มีการกำหนดว่าจะแจกในช่วงเดือนเม.ย. ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลถือเป็นการซื้อเสียงหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าว่า อาจจะไม่ขนาดนั้น มีแค่ครั้งนี้ที่ถูกตั้งข้อสงสัยพอสมควร แต่การแจกช่วงใกล้เทศกาลอาจมีเหตุผลที่เป็นช่วงประชาชนจับจ่ายใช้สอย ในนโยบายอยากให้เงินหมุนเร็ว คงอยากให้เงินเข้าเร็วออกเร็ว เพื่อให้เศรษฐกิจหมุน ต้องยอมรับว่าในช่วงเทศกาลเป็นช่วงที่เงินหมุนเร็ว