สส.หารือผลกระทบจากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 เรียกร้องรบ.เร่งแก้ปัญหาบรรเทาความเดือนร้อนประชาชนครอบคลุมทุกพื้นที่-วางแนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ด้าน “สส.เพื่อไทย” ทวงเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดหลังรัฐอนุมัติโครงการปี 66-67 แต่เกษตรกรยังไม่ได้เงิน
วันที่ 30 ม.ค.2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในการประชุม ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมได้เปิดโอกาสให้สส.หารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดย สส. ส่วนใหญ่นำปัญหาสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลระทบต่อสุขภาพประชาชนเข้าหารือ อาทิ นายธัญธร ธนินวัฒนาธร สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร และแม้รัฐบาลได้ใช้มาตรการโดยสารรถไฟ้ และรถเมลล์ฟรีแก่ประชาชน ซึ่งเห็นว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ จึงขอให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบยานพาหนะเกิดควันดำอย่างจริงจัง และส่งเสริมการให้ยานยนต์พลังงานสะอาดให้เกิดขึ้นจริง เพื่อลดมลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืน
ด้านนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า หลายจังหวัดเกือบทั่วประเทศได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 ดังนั้น ขอให้รัฐบาลพิจารณาบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครเท่านั้น
ขณะที่นายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน กล่าวว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ส่วนหนึ่งเกิดจากการเผาอ้อยของเกษตรกร จึงขอให้รัฐบาลหามาตรการดูแลด้านราคาและสร้างแรงจูงใจไม่ให้เผาอ้อยด้วยการนำใบอ้อยแปรรูปสร้างรายได้
นางเทียบจุฑา ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอร้องเรียนของชาวไร่อ้อยในอำเภอน้ำโสม อ.นายูง จ.อุดรธานี ทวงถามเงินสนับสนุนการตัดอ้อยสด อัตรา 120 บาท/ตัน ซึ่งรัฐบาลเคยอนุมัติโครงการสนับสนุนให้เกษตรตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดปัญหาฝุ่นPM2.5 ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2564-2565 ต่อมาในในฤดูการผลิตอ้อย ปี2566 คณะรัฐมนตรีก็ได้อนุมัติโครงการนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงิน เกษตรกรชาวไร้อ้อยตาดำๆ ที่ยังรอคอยโครงการสนับสนุนเงิน 120บาท/ตัน ในปี2566-2567ที่ยังไม่ได้รับ ทั้งนี้ส่วนตัวได้ติดตามสอบถามทราบว่า มีการเสนอเข้าสู่คณะระฐมนตรีแล้ว จึงอยากฝากไปกระทรวงอุตสาหกรรมและ ครม. ได้เร่งรัดจัดเงินสนับสนุนโครงการนี้ด้วย