‘ศาลอาญา’ พิพากษาประหารชีวิต ’กำนันนก‘ คดีสั่งฆ่า ’สารวัตรศิว‘ ชี้ พยานให้การสอดคล้องกัน แต่จำเลยได้เยียวยาทำให้โจทก์ถอนฟ้อง มีเหตุบรรเทาโทษ คงเหลือ ’จำคุกตลอดชีวิต‘
วันที่ 30 ม.ค.68 ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.3694/2566 คดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 โจทก์, นางทัศนัย สายบัว ที่ 1, นายศิลนา สายบัว ที่ 2, นางสาวเขมินทรา จิรสัจจานุกูล ที่ 3, เด็กหญิง ก. (นามสมมุติ) โดยนางสาวเขมินทรา จิรสัจจานุกูล ผู้แทนโดยชอบธรรม ที่ 4, พันตำรวจโทวศิน พันปี ที่ 5 โจทก์ร่วม ยื่นฟ้องนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ ‘กำนันนก’ จำเลย ในความผิดฐานความผิดต่อชีวิต โดยขอให้นับโทษของจำเลย ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.206/2566 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางด้วย โดยจำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่า เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า พยานเบิกความสอดคล้องต้องกันทุกปากว่า ในวันเกิดเหตุ ‘กำนันนก’ ขอให้มีการย้ายญาติ ซึ่งเป็นตำรวจ จากสายตรวจรถยนต์ มาเป็นสายตรวจรถจักรยานยนต์ แต่ผู้ตายปฏิเสธ และขอให้รอในช่วงเดือนตุลาคม เพราะจะมีคนเกษียณอายุราชการ ทำให้กำนันนกไม่พอใจสารวัตรศิว จึงมีการท้าทายกับกำนันนก เพื่อดวลเหล้าเพียว โดยสารวัตรศิวสั่งลูกน้องให้ไปหากุญแจมือ เพื่อจะมาคล้องแขนกับกำนันนก แต่หาไม่เจอ จึงใช้ผ้าที่เก้าอี้มาผูกแขนแทน กระทั่งกำนันนกดื่มสู้ไม่ได้ แล้วรู้สึกเสียหน้า จึงตบโต๊ะ ลุกออกจากโต๊ะวีไอพี ไปที่โต๊ะยาว ด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว
จากนั้น นายตำรวจซึ่งเป็นญาติและสารวัตรศิว ได้เดินตามไปขอโทษ แต่กำนันนกได้ไล่กลับบ้านและพูดว่า “เดี๋ยวเลือดเปื้อนหน้า”
จากนั้น กำนันนกได้มีการถามหาอาวุธปืน และพูดว่า “อย่างนี้เอาไว้ไม่ได้” ทำให้นายธนัญชัย หรือ ‘หน่อง ท่าผา’ ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิท เดินมาสอบถามว่า “คนไหน” จากนั้นนายธนัญชัยได้เดินไปที่โต๊ะ VIP เพื่อจะดูว่าคนไหน และกลับมาถามกำนันนกว่า “เอาเลยมั้ย” และเดินกลับไปที่โต๊ะในตำแหน่งที่สารวัตรศิวนั่งอยู่ และตะโกนเรียกกำนันนก ว่า “ลูกพี่” กำนันนกส่งสัญญาณโดยการพยักหน้า จากนั้นนายธนัญชัยจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงสารวัตรศิว 7 นัด จนถึงแก่ความตาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ศาลอาญาพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 60, 80, 84 อันเป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 พฤติการณ์แห่งคดีเป็นการกระทำผิดร้ายแรงอย่างอุกอาจ แต่ระหว่างพิจารณาจำเลยบรรเทาผลร้ายชดใช้ค่าเสียหายจนโจทก์ร่วมทั้ง 5 ถอนคำร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
กรณีมีเหตุอันควรปรานี เห็นสมควรลงโทษจำเลยเป็นจำคุกตลอดชีวิต และนับโทษจำเลยต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.206/2566 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ทั้งนี้ กรณีสืบเนื่องมาจาก โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2566 เวลาประมาณ 18.00 น. จำเลยจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ขึ้น ภายในบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 55/1 หมู่ที่ 2 ต.ตาก้อง อำเภอเมืองนครปฐม จ.นครปฐม ของจำเลย โดยมีเจ้าพนักงานตำรวจ มาร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์หลายนาย ซึ่งมีพันตำรวจตรีศิวกร สายบัว ผู้ตาย และพันตำรวจโทวศิน พันปี ผู้บาดเจ็บ รวมถึงนายธนัญชัยหรือหน่อง หมั่นมาก คนสนิทใกล้ชิดกับจำเลย อยู่ร่วมงานเลี้ยงด้วย
ต่อมาจำเลยกับผู้ตายท้าทายแข่งขันดื่มสุรากัน โดยจำเลยเป็นฝ่ายแพ้ ทำให้จำเลยโมโห เสียหน้า รวมทั้งมีเหตุไม่พอใจด้วยสาเหตุอื่นมาก่อนแล้ว จำเลยจึงให้นายธนัญชัยใช้อาวุธปืนออโตเมติก มีทะเบียน ยี่ห้อ GLOCK ขนาด 9 มม. ยิงฆ่าผู้ตาย ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารในงานเลี้ยงหลายนัด กระสุนปืนถูกอวัยวะสำคัญของผู้ตายหลายแห่ง และพลาดไปถูกผู้บาดเจ็บที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารเดียวกัน เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย สมดังเจตนาฆ่าของจำเลยและนายธนัญชัย และเป็นเหตุให้ผู้บาดเจ็บได้รับอันตรายสาหัสต้องทุพพลภาพหรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน หรือจนประกอบกรณีกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน เหตุเกิดที่ ต.ตาก้อง อำเภอเมืองนครปฐม จ.นครปฐม