“สส.ประชาชน” แฉรบ.ชงแก้พ.ร.บ.ท่าเรือเปิดช่องตั้งบริษัทลูกทำธุรกิจอสังหาฯส่อเอื้อนายทุนเปิดเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลัง “สุริยะ” บอกพื้นที่เหมาะทำกาสิโน ชี้มูลค่าที่ดินเทียบไม่ได้กับใบอนุญาต แค่ 5 พันล้าน ถามเยียวยาคนถูกไล่ที่อย่างไร
วันที่ 31 ม.ค.2568 เวลา 11.30 น.ที่รัฐสภา นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม.พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ระบุพื้นที่คลองเตยเหมาะที่จะตั้งสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า เหตุใดรัฐบาลจึงเร่งเดินหน้าเรื่องนี้ทั้งที่กฎหมายยังไม่มีความพร้อม ทั้งที่การกระตุ้นเศรษฐกิจสามารถทำได้หลายวิธี จึงอยากถามว่าเหตุใดรัฐบาลกระเหี้ยนกระหือรือเร่งทำเรื่องนี้ ทั้งที่มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า เช่นการจ้างงาน การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก แต่เรื่องกาสิโนมีทุกวัน ทั้งที่หลายประเทศใช้เวลาศึกษานาน เช่น ญี่ปุ่น จึงอยากถามว่าประเทศไทยรอบคอบเพียงพอแล้วหรือไม่ เพราะจากนิด้าโพลประชาชนไม่เห็นด้วยถึง 60% หรือรัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชน ฟังแต่เสียงนายทุน ดังนั้นรัฐบาลควรอธิบายและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เพราะมีปัญหาเรื่องการฟอกเงินในบ่อนจำนวนมาก ที่ผ่านมามีการบังคับใช้กฎหมาย แต่ไม่สามารถจัดการเว็บพนันออนไลน์ บ่อนเถื่อนที่ผิดกฎหมายได้ แต่จะทำให้ถูกกฎหมาย
“ผมเป็นห่วงการแก้ พ.ร.บ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่เปิดช่องให้เอกชนสามารถเข้ามาร่วมทุน เพื่อขยายขอบเขตให้เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยจัดตั้งบริษัทลูก ให้ร่วมลงทุนกับบริษัทมหาชนและบริษัทต่างชาติได้ ผิดจากวัตถุประสงค์เดิมตามผังเมืองคือการขนส่งโลจิสติกส์ ซึ่งมีข่าวหนาหูว่ามีบริษัทของนายทุนพรรคร่วมรัฐบาล ตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อจะรับบริหารจากการท่าเรือฯ เพราะมูลค่าที่ดินท่าเรือคลองเตย จำนวน 2000 ไร่จะแบ่งอยู่ในเขตศุลกากร 1000 ไร่ ที่จะใช้ทำอสังหาริมทรัพย์ มีมูลค่ามากถึง 4 แสนล้านบาท เทียบไม่ได้กับค่าออกใบอนุญาตที่มีมูลค่าเพียง 5 พันล้านบาท ดังนั้นรัฐบาลควรเอาไปทำประโยชน์อื่นให้ประชาชน ไม่ใช่เอาไปประเคนให้นายทุน เพื่อสร้างกาสิโน”นายภัณฑิล กล่าว
นายภัณฑิล กล่าวว่า นอกจากนี้ยังจะมีการสร้างทางด่วน S-1 เพื่อรองรับการพัฒนาท่าเรือในฝั่งตะวันออก ที่จะทำเป็นศูนย์กระจายสินค้าใหม่ เอาตู้คอนเทนเนอร์สูง 8 ชั้น ให้รถบรรทุกขึ้นไปได้ จึงต้องสร้างทางด่วนเชื่อมเข้าไปข้างในโดยตรง ใช้พื้นที่ประมาณ 500 ไร่ อีกทั้งจะมีการไล่ที่ประชาชนที่อาศัยอยู่หน้า สน.ท่าเรือ โดยยังไม่มีความชัดเจนเรื่องทางออกให้กับประชาชนหลายครัวเรือน ในขณะที่รัฐบาลคิดจะทำโครงการใหญ่ มูลค่าแสนล้านบาท ให้กับนายทุน จึงขอตั้งคำถามไปถึงนายสุริยะ ว่าหัวใจของโครงการเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ 10% จำเป็นต้องมีบ่อนกาสิโนหรือไม่ ถ้าไม่มีบ่อน จะทำเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ไม่ได้หรืออย่างไร
นายภัณฑิล กล่าวอีกว่า การตั้งปรมาจารย์ด้านกฎหมาย เพื่อจะมาแก้เกี้ยวด้านกฎหมาย น่าสงสัยโดยเฉพาะชื่อของ นายวิษณุ เครืองาม และ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ น่ากลัวมาก ทำให้ประชาชนเริ่มเป็นห่วงแล้วว่ากฎหมายนี้จะพิเศษหรือเปล่า หรือตั้งเป็นเขตท่องเที่ยวพิเศษ ทั้งที่กฎหมายมีอยู่แล้ว ที่สำคัญสำนักงานกฤษฎีกาก็บอกแล้วว่าซ้ำซ้อนกัน ทำไมไม่แก้ พ.ร.บ.การพนันไปเลยแทนที่จะกระมิดกระเมี้ยน ชักเข้าชักออก
“ผมขอท้าให้ทำประชามติ เพราะหลายประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งในอเมริกาและยุโรป เคยรุ่งเรืองมาในอดีต แต่ตอนนี้ก็เริ่มแย่แล้ว หากจะเอาโมเดลการพัฒนาเมืองรอง เหมือนที่อเมริกาพัฒนาลาสเวกัสไม่ได้ เพราะกรุงเทพฯมีพร้อมอยู่แล้ว ทั้งวัด และอาหารอร่อย คนที่มาเที่ยวไม่ใช่เพราะมีบ่อนกาสิโน ผมเชื่อว่าคนกรุงเทพฯไม่เอา ประกอบกับเงื่อนไขที่ไม่ชัดเจนเรื่องการเช่าที่ดิน 99 ปี เพราะการจะคุมทุนต้องใช้เวลานาน รวมถึงกลุ่มทุนขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนในเมือง จะส่งผลต่อราคาที่อยู่อาศัยอย่างแน่นอน”นายภัณฑิล กล่าว.