“วรวงศ์” เผยรัฐบาลไทยพร้อมรับการค้าและการลงทุนจากปาปัวนิวกินี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้งท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการเกษตรและแปรรูปอาหาร และการพัฒนาบุคลากรและการศึกษา
นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือ นายริชาร์ด มารู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและการลงทุนปาปัวนิวกินีว่า ได้หารือประเด็นด้านการค้าระหว่างไทยและปาปัวนิวกินี โดยตั้งเป้าขยายความร่วมมือ ส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยไทยและปาปัวนิวกินีมีความสัมพันธ์ทางการทูตตั้งแต่ปี 2519 และจะครบรอบ 50 ปี ในปี 2569 โดยปาปัวนิวกินีมีความใกล้ชิดกับไทยเป็นลำดับต้น ๆ ในกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก และเป็นแหล่งนำเข้าเนื้อปลาทูน่าที่สำคัญอันดับที่ 12 ของไทย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.04 ของการนำเข้าเนื้อปลาทูน่าของไทยจากตลาดโลก ในขณะเดียวกัน ชาวปาปัวนิวกินีก็นิยมบริโภคข้าวไทย โดยปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกข้าวไปยังปาปัวนิวกินีคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.39 ของการส่งออกข้าวจากไทยไปตลาดโลก และเป็นอันดับที่ 1 ของสินค้าทั้งหมดที่ไทยส่งออกไปยังปาปัวนิวกินี
โดยรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ มีความยินดีเปิดรับการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายซึ่งไทยมีความเชี่ยวชาญ เช่น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการเกษตรและแปรรูปอาหาร และการพัฒนาบุคลากรและการศึกษา สอดคล้องกับภาคอุตสาหกรรมที่เป็นจุดแข็งของปาปัวนิวกินี เช่น การเกษตร การทำประมง โดยเฉพาะการจับปลาทูน่าในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ รวมไปถึงอุตสาหกรรมบริการ และการท่องเที่ยว และยังรวมไปถึงอุตสาหกรรมใหม่ที่เป็นอนาคตอย่าง Printed Circuit Board (PCB) และ Data Center ที่กำลังมีการลงทุนเข้ามาที่ไทยเป็นจำนวนมาก
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ไทยพร้อมร่วมมือกับปาปัวนิวกินีในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญระหว่างกัน รวมถึงพัฒนาและต่อยอดความร่วมมือในด้านเทคโนโลยี อุตสาหกรรมการผลิต และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลระหว่างกันต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสาขาที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ เช่น เกษตรกรรม สาธารณสุข ความมั่นคงทางอาหาร การประมง และการพัฒนาพลังงาน พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้ เชิญชวนนักธุรกิจจากปาปัวนิวกินีที่สนใจ เข้าร่วมงานกิจกรรมส่งเสริมด้านการตลาดในไทย อาทิ สินค้าอาหารและสินค้าแฟชั่น/ไลฟ์สไตล์ ในงาน THAIFEX– Anuga Asia งาน STYLE Bangkok และ งาน Bangkok Gems & Jewelry Fair (BGJF) อีกด้วย
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและการลงทุนปาปัวนิวกินีได้แจ้งว่า มีความสนใจศึกษาดูงานระบบ National Single Window (NSW) ของไทย และมีความยินดีร่วมมือกับไทยในการขยายมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยปัจจุบันมีนักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในธุรกิจด้านการกระจายสินค้า อาทิ ข้าว น้ำตาล เกลือ รวมไปถึงธุรกิจผลิตปลาทูน่ากระป๋อง และธุรกิจปลูกอ้อยและผลิตน้ำตาล โดยปาปัวนิวกินีประสงค์เชิญชวนไทยเข้าไปขยายการลงทุนในประเทศในภาคธุรกิจต่าง ๆ ที่ไทยมีความเชี่ยวชาญเพิ่มเติม เช่น ประมง เนื้อไก่ ข้าว และน้ำตาล เป็นต้น รวมถึงขอเชิญชวนภาคเอกชนไทยเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนในช่วงเดือนกันยายนนี้ เพื่อแสวงหาโอกาสทางการค้าและการลงทุนใหม่ๆ ในปาปัวนิวกินี
ทั้งนี้ในปี 2567 ปาปัวนิวกินีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 76 ของไทย มีมูลค่าการค้ารวมระหว่างกัน 259.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปีก่อนหน้า ร้อยละ 26.33 โดยไทยส่งออกไปปาปัวนิวกินีคิดเป็นมูลค่า 211.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ข้าว รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และน้ำตาลทราย ขณะที่ไทยนำเข้าจากปาปัวนิวกินี คิดเป็นมูลค่า 47.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า คิดเป็นมูลค่า 163.29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ