“กมธ.ความมั่นคงฯ” เตรียมเชิญ “สมช.” ลงพื้นที่แม่สอด 16 ก.พ.นี้ ดูปัญหาท่าข้าม หลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เป็นช่องโหว่ส่งของผิดกฎหมาย
วันที่ 13 ก.พ.2568 เวลา 13.35 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงหลังการประชุมกมธ. ว่า ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องไฟฟ้า น้ำมัน แต่สิ่งที่เอื้ออำนวยต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังมีท่าข้าม ทั้ง 59 ท่า ซึ่งจ.ตาก เป็นจังหวัดที่มีท่าข้ามมากที่สุดในประเทศไทย ที่เราต้องให้ความสนใจเรื่องท่าข้าม เพราะเป็นจุดส่งผิดกฎหมายต่างๆจำนวนมาก เราได้รับข้อมูลว่าการส่งสินค้าจาก จ.ตาก ไปที่เมียวดี 60% มาจากท่าข้ามทั้งสิ้น วันนี้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) บอกว่าโดยหลักการการเปิดท่าข้ามต้องเป็นการเปิดกรณีจำเป็น และต้องเป็นกรณีชั่วคราว แต่กมธ.พบข้อเท็จจริงว่าท่าข้ามทั้ง 59 ท่า เปิดมาเป็นเวลานานแล้วโดยหลังโควิด – 19 มีการเปิดเพิ่มเติมอีก 9 ท่า ซึ่งมีปัญหาเชิงกฎหมายว่าท่าทีเปิดอยู่มีความชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ กมธ.จึงให้จังหวัดรวบรวมข้อมูล โดยวันที่ 16 – 17 ก.พ.นี้ กมธ.ฯจะเชิญสมช.ลงพื้นที่ด้วย ซึ่งวันที่ 16 ก.พ. จะลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จะขอทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเปิดท่าข้ามเป็นอย่างไร และมีความตั้งใจที่จะเปิดยาวนานแค่ไหน ส่วนวันที่ 17 ก.พ. จะลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก เพื่อพูดคุยกับกองทัพภาคที่ 3 อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตนเข้าใจว่าเรื่องท่าข้ามเป็นเรื่องของกระทรวงมหาดไทย แต่ที่จริงแล้วเป็นอำนาจของอธิบดีศุลกากรในการกำหนดให้เปิดหรือปิด วันนี้เราเห็นประโยชน์ทางการค้า แต่ภัยร้ายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็มีอยู่
“วันนี้สมช.พูดชัดเจนว่าโดยปกติการค้าขายอยากให้ใช้ช่องทางปกติที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ อาจจะเป็นจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่านแดนชั่วคราว และจุดผ่อนปรนในกรณีพิเศษ เพราะถ้าเป็นท่าข้ามจะมีช่องโหว่ เนื่องจากพบว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรบางคนต้องดูแล 5 ท่าข้าม หรือ 3 ท่าข้าม ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เราจะดูแลความมั่นคง การลักลอบสิ่งผิดกฎหมายได้” นายรังสิมันต์ กล่าว