“โรม” เชิญหน่วยงาน ถก กมธ.มั่นคง จี้ถามระบุตัวตน ‘ไบโอแมททริกซ์’ ก่อนปล่อยตัว หวั่นปลอมตัวกลับมาทำผิดซ้ำอีก อึ้งพบ 17 ล้านคนเข้าออกไทยไม่ระบุตัวตน เตรียมถาม “DSI” ดำเนินคดี “หม่องชิตตู่” หลังอัยการกลับลำไม่เข้าพบ ชี้ไม่อยากให้ไทยฟอกขาวใคร แย้ม พื้นที่ DKBA มีประชากร 6 หมื่นคนร่วมวงสแกมเมอร์ โหดร้ายไม่แพ้กัน
วันที่ 20 ก.พ.2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมที่จะมีการเชิญ หน่วยงานเข้ามาชี้แจงเกี่ยวกับการใช้ระบบระบุอัตลักษณ์ เพื่อเก็บข้อมูลบุคคลที่เคยเกี่ยวข้องกับคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งความชัดเจนในการดำเนินคดีกับ พ.อ.หม่อง ชิตตู่ ผู้นำ BGF
กระบวนการต่อไปนี้คือปล่อยตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกจากเมืองเมียวดี กลับไปยังประเทศต้นทาง ซึ่งมีความน่ากังวล 2 เรื่องคือ การตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าบุคคลที่ถูกปล่อยตัวกลับไป เป็นเหยื่อหรือเป็นอาชญากร ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอะไรแต่บุคคลเหล่านั้นรู้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตนเห็นว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญที่จะใช้ในการทำลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า แม้ว่าตอนนี้จะมีการระบุตัวตนบ้าง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนหลายระดับ ที่เรายังไม่ทราบว่าคือใคร เพราะตนกังวลว่าหากประเทศจีน จัดการธุระของเค้าเสร็จแล้ว จะหลงเหลือแก๊งจีนเทาเหล่านั้นในเมืองไทยหรือไม่นอกจากนี้การเก็บอัตลักษณ์บุคคลหรือไบโอแมทริกซ์ แก๊งจีนเทาเป็นบุคคลที่มีมีเงินเยอะ บางครั้งไปซื้อสัญชาติหรือพาสปอร์ต หากไม่มีการเก็บอัตลักษณ์ของบุคคลเลย เราจะทราบได้อย่างไรว่าหากเขากลับมาในประเทศไทย จะไม่สวมสัญชาติหรือพาสปอร์ตบุคคลอื่นเข้ามาทำความผิดอีก ใช้ไทยเป็นทางผ่านคอลเซนเตอร์ ก่ออาชญากรรมได้ เพราะก่อนหน้านี้ตนก็ไม่ได้คิดว่าจะมีการเพิกเฉย ในการระบุอัตลักษณ์ของบุคคลก่อนที่จะปล่อยตัวกลับประเทศต้นทาง
“สาเหตุของการที่ไม่มีระบุอัตลักษณ์ตัวตนมานานแล้ว เนื่องจากระบบที่ซื้อมาใช้อาจจะหมดอายุตามความเข้าใจขอผม ไม่ว่าจะเป็นในสนามบินใด ๆ หรือชายแดนก็ตาม ซึ่งข้อมูลตัวเลขของคนที่ผ่านเข้าออกประเทศไทยกว่า17 ล้านคน ที่ผมได้รับมา อาจเป็นไปได้ว่าไม่มีการระบุข้อมูลตัวตนเลย ที่บันทึกข้อมูลเป็นแค่การเก็บหน้าพาสปอร์ตปกติ ซึ่งผมก็ไม่อยากให้สิ่งที่พูดมานี้เป็นความจริง เพราะหากเป็นจริงถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ หากนาย ก.ไก่ ถือสัญชาติชาวจีนมากระทำความผิดในไทย แต่สุดท้ายหนีออกไปได้ วันข้างหน้าหาก นายก.ไก่ กลับมาด้วยพาสปอร์ตวานูวาตู เราไม่สามารถระบุได้”นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นอกจากนี้ในที่ประชุมจะมีการสอบถามเกี่ยวกับการดำเนินคดี พ.อ.หม่องชิตตู่ ผู้นำ BGF ที่ตนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการละครหรือเป็นการฟอกขาวหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้อัยการจะเดินทางไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ก็มีการยกเลิกกระทันหัน ตนคิดว่าถ้ากระทำจริงมีความผิดแน่นอน เพราะหบายประเทศคว่ำบาตร พันเอกหม่องชิตตู่ แต่ไทยจะเป็นผู้ฟอกขาวให้กับเขา
เมื่อถามว่าข้อมูลของเมือง ของกลุ่ม DKBA ซึ่งข้อมูลที่ได้รับมา นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นบริเวณแถบช่องแคบที่มีแก๊งแสตมป์เมอร์อยู่ประมาณ 10,000 คน อาจจะรวมเหยื่อ อาชญากร ที่มีการทารุณกรรม ความโหดร้าย จากข้อมูลของชาวบ้านที่ระบุว่ามีการพบศพช่วงน้ำหลากบริเวณริมแม่น้ำเมยประจำ ซึ่ง DKBA ก็ไม่ได้มีความเป็นเอกภาพ มีผู้นำคือพลจัตวา ซาย จอ หล่า หรือ โกซาย ซึ่งตนมองว่ามีความโหดร้ายทารุณไม่ต่างกับพื้นที่ของพ.อ.หม่องชิตตู่ ส่วนเรื่องการใช้ไฟตนเข้าใจว่าน่าจะมีการพ่วงมาก่อนหน้านี้จากภายใน แต่ตอนนี้ตัดไปหมดแล้ว รวมทั้งข่าวที่ตนได้รับจากสื่อมวลชนว่าจะมีการขนถังแก๊สและน้ำมัน ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านของโกซายอีกด้วย