วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 23, 2025
หน้าแรกHighlightพาณิชย์ยันข้อเรียกร้องชาวนาขัดมติครม. เดินหน้า 3 มาตรการ“แก้ราคาข้าวตกต่ำ”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

พาณิชย์ยันข้อเรียกร้องชาวนาขัดมติครม. เดินหน้า 3 มาตรการ“แก้ราคาข้าวตกต่ำ”

“พาณิชย์” ตีตกข้อเรียนร้องชาวนาแจงขัดมติครม. ยันเดินหน้า 3 มาตรการช่วยเหลือชาวนา ทั้งชะลอขายข้าว-ชดเชยดอกเบี้ย-เปิดจุดรับซื้อ ทำได้ทันที เพื่อดึงราคาตลาด

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ด้านการตลาด ได้คำนึงถึงข้อเรียกร้องของเกษตรกรทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในข้อเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับการประกันราคา หรือประกันรายได้ หรือข้อเรียกร้องที่เข้าข่ายการรับจำนำข้าว

ซึ่งคณะอนุกรรมการได้พิจารณาหารือกันอย่างรอบคอบทุกมิติแล้ว เห็นว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวขัดกับมติ ครม. เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 66 และมติ นบข. เมื่อวันที่ 8 พ.ย.67 ที่กำหนดว่าในการจัดทำมาตรการ/โครงการ เพื่อสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือภาคเกษตรกร ให้หลีกเลี่ยงการดำเนินการในลักษณะการให้เงินอุดหนุน ช่วยเหลือ ชดเชย หรือประกันราคาสินค้าเกษตรโดยตรงแก่เกษตรกร อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือพี่น้องชาวนาเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้เกิดการพยุงราคาและดึงราคาตลาดเพิ่มสูงขึ้น จึงได้เสนอมาตรการช่วยเหลือข้าวนาปรัง 2568 ที่สามารถดำเนินการได้ทันที เพื่อเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ซึ่งประกอบด้วย 3 มาตรการ ได้แก่

1.มาตรการสินเชื่อชะลอการขายข้าวนาปรัง โดยรัฐช่วยค่าฝากเก็บ 1,000 บาท/ตัน หากชาวนามีที่เก็บเองก็จะได้รับเพิ่มอีก 500 บาท เป็น 1,500 บาท ซึ่งเก็บอย่างน้อย 1 – 5 เดือน เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน วงเงิน 1,219.13 ล้านบาท เพื่อเป็นการกระตุ้นการซื้อและดึงราคาข้าวขึ้น

2.มาตรการเปิดจุดรับซื้อข้าวของเกษตรกร ที่ไม่มีสถาบันเกษตรกรฝากเก็บและต้องการขายข้าวในทันที โดยผู้ประกอบการค้าข้าวจะช่วยซื้อในราคานำตลาด 300 บาทต่อตัน โดยรัฐสนับสนุนค่าบริหารจัดการตันละ 500 บาท เป้าหมาย 300,000 ตัน วงเงิน 150 ล้านบาท และ

3.มาตรการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อกข้าวเพื่อเป็นมาตรการจูงใจให้มีการซื้อข้าวจากเกษตรกร โดยเงื่อนไขผู้ประกอบการต้องซื้อข้าวในราคานำตลาด 200 บาทต่อตัน เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรได้ขายข้าวในราคาที่เพิ่มขึ้น โดยรัฐจะช่วยชดเชยดอกเบี้ยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ 6% ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้มากกขึ้นและดึงซัพพลายออกจากตลาด โดยเป้าหมาย 2 ล้านตัน วงเงิน 524.40 ล้านบาท

    โดยการพิจารณาของคณะอนุกรรมการ นบข. ด้านการตลาด ทั้ง 3 มาตรการดังกล่าว ที่ประชุมได้พิจารณาแล้วว่าสามารถดำเนินการได้ทันที เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร และไม่เป็นการบิดเบือนกลไกตลาด โดยใช้วิธีการกระตุ้นให้มีการรับฝากเก็บและเปิดจุดรับซื้อเพื่อดึงซัพพลายออกจากตลาด นอกจากนี้ยังมีโครงการร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการเข้าถุงและโมเดิร์นเทรดจัดทำเข้าถุงราคาประหยัดเป้าหมาย 500,000 ตัน

    ส่วนของการพิจารณาข้อเรียกร้องที่จะเป็นภาระกับพี่น้องเกษตรกรไม่ว่าจะเป็นการห้ามเผาฟางหรือการเยียวยาพื้นที่รับน้ำ คณะอนุกรรมการ นบบข. ด้านการตลาด ได้หารือกันอย่างรอบคอบและพิจารณาให้คณะอนุกรรมการ นบข. ด้านการผลิต ดำเนินการรับไปพิจารณาโดยด่วนต่อไป ด้านข้อกังวลเรื่องรายละเอียดต่าง ๆ จากการกำหนดมาตรการไม่ว่าจะเป็นการขึ้นทะเบียนเกษตรกร หรือการพิจารณาให้เพิ่มโรงสีหรือสถาบันการเงินเข้ามาในโครงการ ในส่วนนี้จะมีการพิจารณากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

    “ผม”ขอเรียนให้พี่น้องเกษตรกรทราบว่า มาตรการช่วยเหลือข้าว ทั้ง 3 มาตรการดังกล่าวที่ผ่านมาเคยใช้กับการปลูกข้าวนาปีเท่านั้น ซึ่งสำหรับปีนี้ได้มีการพิจารณาออกมาตรการช่วยเหลือกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ซึ่งอยากให้พี่น้องเกษตรกรทราบว่ารัฐได้พิจารณาอย่างรอบคอบและทั่วถึงเพื่อประโยชน์ของพี่น้องชาวนาและจะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด”

    รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้มาคมชาวนาและเกษตรกรไทยได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้อนุ นบข.ด้านการตลาด ทบทวนและวางมาตรการใหม่ตามที่เกษตรกรร้องขอ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร และป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับเสถียรภาพของรัฐบาล ดังนี้

    1.ขอให้ภาครัฐพิจารณามาตรการประกันราคาข้าวเปลือกเจ้าในฤดูนาปรังปีการผลิต 68 โดยความชื้นไม่เกิน 15% ราคาไม่ต่ำกว่า 12,000 บาท/ตัน และความชื้นไม่เกิน 25% ราคาไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท/ตัน

    2.พิจารณามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในกรณีงดเผาตอซังฟางข้าว ไร่ละ 500 บาท ตามจำนวนพื้นที่เพาะปลูกที่ขึ้นทะเบียนไว้ 3.ควบคุมปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย ยา และน้ำมันเชื้อเพลิง 4.พิจารณาหาแนวทางชดเชยพื้นที่เกษตรกรที่ใช้เป็นทุ่งรับน้ำตามที่ร้องขอ 5.พิจารณาโครงการไร่ละ 1,000 คงเดิม เพื่อลดต้นทุนการผลิต ทั้งนี้ ขอให้ภาครัฐพิจารณาให้สิทธิ์กับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวไปแล้วในทุกมาตรการอย่างเท่าเทียมกัน

    3.ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าว เช่น โรงสี สหกรณ์การเกษตร ฯลฯ ในการเก็บสต๊อกข้าว ช่วยดอกเบี้ยผู้ประกอบการ 6% เก็บสต๊อก 2-6 เดือน โดยให้ซื้อราคานำตลาดไม่ต่ำกว่า 200 บาท/ตัน เป้าหมาย 2 ล้านตัน วงเงิน 524.40 ล้านบาท รวม 1,893.53 ล้านบาท ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายก รัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธานพิจารณาภายในเดือน มี.ค.68 หลังจากนั้นจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป คาดมาตรการจะเริ่มใช้จริงต้นเดือน มี.ค.68

    - Advertisment -spot_imgspot_img
    spot_imgspot_img
    - Advertisment -spot_img
    - Advertisment -spot_imgspot_img

    Featured

    - Advertisment -spot_img
    spot_img
    Advertismentspot_imgspot_img
    spot_imgspot_img