“เท้ง” เปลือยหมดเปลือก!ทรรศนะ “การเมือง-ครอบครัว” การันตีสมัยนี้ไม่มีทางร่วม รบ.แน่หากสมการการเมืองเปลี่ยน มั่นใจเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ปชน. ไม่มีใครย้ายค่าย ซัดประเทศเสียหายจากการจัดตั้งรัฐบาล ประกาศลั่นนำพรรคชนะเลือกตั้งปี 70 ได้ แต่กลุ่มชนชั้นนำจะยอมให้เป็นรัฐบาลหรือไม่เปิดใจ เป็นคนพูดน้อย บางทีไม่พูดก็เป็นการสื่อสารแบบหนึ่ง เผยเซฟโซนคือ “ภรรยา” ที่ปรึกษาชีวิต ให้คำแนะนำก่อนมาเป็น หน.พรรค
วันที่ 23 ก.พ.68 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาชน ร่วมบรรยายในหัวข้อ “การเมืองไทย ในทรรศนะ เท้ง-ณัฐพงษ์“ วันนี้พูดคุยหัวข้อการขับเคลื่อนงานทางการเมือง โดยเฉพาะที่มีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล รวมถึงเตรียมพูดเกี่ยวกับการขับเคลื่อนงานทางการเมืองของพรรคประชาชนและผลงานช่วงที่ผ่านมานับจากพรรคก้าวไกลถูกยุบจนถึงปัจจุบัน
เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของสมาชิกพรรคให้เดินทางต่อ ถึงความคืบหน้าในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญสะดุดลง เนื่องจากมีการข่มขู่ว่าหากเดินหน้าลงมติ จะมีการยื่นร้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมกล่าวถึงกระบวนการคัดเลือก สว.ที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ เชื่อว่าหากเป็นไปตามหลักฐานที่ปรากฏ ชี้ว่ากระบวนการเลือก สว. ครั้งนี้ไม่โปร่งใส
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เปิดเผยว่ามีการได้รับข้อมูลจากคนในพรรคร่วมรัฐบาล แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อหรือรายละเอียด ซึ่งจะเป็นการคุ้มครองบุคคลดังกล่าว โดยชี้ประเด็นการอภิปรายไม่มั่นใจไปที่ความไม่โปร่งใส ในการบริหารราชการแผ่นดิน และรอยร้าวของคนในพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่สามารถผลักดันนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาได้
ส่วนกรณี 44 สส.ถูกยื่นตรวจสอบจริยธรรม นายณัฐพงษ์เปรียบ “หยักไหล่” แล้วเดินหน้าทำงานฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป เชื่อว่าทุกคนไม่มีข้อกังวลใจว่าจะหลุดหรือไม่หลุดจากตำแหน่ง เพราะหากมีความกังวลการเดินหน้างานในสภาผู้แทนราษฎรจะหยุดชะงักลง ทุกการกระทำและการแสดงออกสะท้อนให้เห็นว่าไม่ได้กังวลใจในส่วนนี้ และไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องปกติที่ใครจะต้องโดน
หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงการที่ปรับวิธีการสื่อสารเกี่ยวกับนโยบายของพรรคว่า ไม่ได้หมายความว่าจะสูญเสียหลักการ หรือทำให้หลักการน้อยลง แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาต้องทำการบ้านหนักเรื่องการสื่อสารกับฝ่ายเห็นต่าง ซึ่งในวันอังคารที่ 25 ก.พ.นี้พรรคประชาชนจะเปิดแคมเปญ รับสมัคร สก. เปิดสนามเลือกตั้ง กทม. ส่วนบุคคลที่จะส่งชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. อยู่ระหว่างการเจรจาพูดคุย
“เชื่อว่าจุดแข็งของพรรคประชาชนมี สส.ในสภาฯ ทำให้ผลักดันวาระต่างๆได้ พร้อมวิเคราะห์จุดแข็งของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่า กทม. ว่ามีความตั้งใจทำงาน แต่สิ่งที่ยังเป็นปัญหาคือการแก้ไขปัญหาฝุ่นPM2.5″นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ถ้าพรรคประชาชนยังตั้งใจทำงานในการเลือกตั้งปี 2570 เชื่อว่าชนะการเลือกตั้งได้ ถ้าชนะเลือกตั้งมาแล้วกลุ่มชนชั้นนำจะยอมให้เป็นรัฐบาลหรือไม่ไม่สามารถตอบได้แต่หน้าที่ขณะนี้คือเดินหน้าต่ออย่างเต็มที่ โดยหยิบยกคำพูดของนายปิยบุตร แสงกนกกุล กล่าวไว้ว่าจะต้องชนะการเลือกตั้ง เพื่อนำใบอนุญาตใบที่1 ในการรัฐบาลให้ได้ก่อน และประกาศชัดเจนในสมัยรัฐบาลชุดนี้ไม่ไปร่วมรัฐบาลแน่นอน
“สิ่งที่เกิดขึ้นในการจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมาเห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศเสียเวลาไปเยอะ โดยเฉพาะการสลับขั้วการเมืองไปมา แต่สิ่งที่จะทำให้ผลักดันนโยบายเชิงโครงสร้างอย่างแรกหนีไม่พ้นการได้เสียงจากประชาชนเกิน 20 นั้นเสียงเพื่อทำให้มีพลังมากพอที่จะผลักดันวาระต่างๆได้ ดังนั้นในสภาสมัยนี้ไม่มีวันไปร่วมรัฐบาลแน่นอน และมั่นใจว่าเพื่อนที่ร่วมเดินทางมาไม่มีใครย้ายค่าย ตอนที่ยุบพรรคอนาอนาคตใหม่มาก้าวไกลทุกคนมาด้วยกันทุกคน“ นายณัฐพงษ์กล่าว
นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงการจับขั้วทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าอยู่ที่ข้างหน้าพรรคภูมิใจไทยออกมาประกาศจุดยืนตัวเองอย่างไร และจุดยืนแต่ละพรรคการเมือง ยกตัวอย่างครั้งหน้าว่าหากจำเป็นต้องจับมือกับพรรคร่วม ต้องลงนามMOU การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องอยู่ในวาระตกลง ส่วนโอกาสการยุบสภานั้นชี้ว่าอยู่ที่รอยร้าวของพรรคร่วมรัฐบาลเอง หากเกิดเอ็กซิเดนท์ทางการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีโอกาสยุบสภาสูง
ช่วงท้าย นายณัฐพงษ์ ได้เปิดใจถึงเรื่องส่วนตัวแบบไม่เคยพูดที่ไหน ยอมรับว่าเป็นคนพูดน้อย เซฟโซนที่สุดคืออยู่บ้าน กับครอบครัว กับภรรยา อยู่เฉยๆ ถ้าอยู่เฉยๆ แล้วไม่ได้พูดอะไร ขอให้รู้ไว้ว่าเป็นการสื่อสารรูปแบบหนึ่ง ตอนที่มีชื่อเสนอเป็นหัวหน้าพรรค ก็ปรึกษาภรรยา ภรรยาก็บอกว่าทำได้ วันหนึ่งถ้าไม่รับอาจจะเสียใจหรือไม่
นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวว่า ตนและภรรยายังไม่อยากมีลูก เพราะคุยกับภรรยาแล้วว่ามีแล้ว ในสังคมของเรา ถือว่ามีแล้วลำบาก ไม่ใช่เพราะฐานะเราไม่สามารถมีได้ แต่ไม่อยากส่งลูกไปเรียนพิเศษ อยากให้ใช้ชีวิตธรรมดา เพราะเราเองก็เรียนโรงเรียนรัฐบาล อยากให้มีสังคมตามความเป็นอยู่ที่แท้จริง
นอกจากนี้ สส.กทม.พรรคประชาชน ยังอัปเดตงานช่วง 1 ปีครึ่ง นำโดยนางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์, นายภูริวรรธก์ ใจสําราญ, นายณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ และนางสาวรักชนก ศรีนอก เช่น การขับเคลื่อนแก้ปัญหาฝุ่นPM2.5 ที่เคยเสนอญัตติด่วนเพื่อเสนแแนะแนวทางแก้ปัญหาต่อรัฐบาลแล้ว ,ปัญหาเรื่องผังเมืองสืบเนื่องถึงปัญหาการจราจรติดจัด ที่หารือสำนักจราจร กทม. ซึ่งหวังว่าจะมีการนำระบบ AI มาใช้แก้ปัญหา และเสนอการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการแก้ไขปัญหาโดยตรง