ปี 68 “อินโนพาวเวอร์” ยึดหัวหาดตลาดโซลาร์ประชาชน ยันค่าติดตั้งลดเหลือแสนต้น ไม่เกิน 3 ปีคืนทุนพร้อมบริการครบวงจร ออกใบรับรอง REC และขายให้ด้วย คุ้มทุนเร็ว-สร้างรายได้ครัวเรือน
นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด บริษัทด้านนวัตกรรมพลังงานที่เกิดจากการจับมือระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากนโยบายของกระทรวงพลังงาน ในการส่งเสริมให้ประชาชนติดโซลาร์เซลล์ราคาถูกลงนั้น ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างกระทรวงพลังงาน กฟผ. และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เพื่อพัฒนา ผลิตและจำหน่ายเครื่อง Inverter ราคาถูกสำหรับติดตั้งกับระบบโซลาร์เซลล์ ซึ่งกระทรวงพลังงานมีแผนจะนำออกจำหน่ายในราคาถูกให้กับประชาชนในปีนี้ ล่าสุดอยู่ในขั้นตอนการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยจาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

โดยหากเปิดโครงการฯแล้ว ประชาชนที่ประสงค์ติดโซลาร์เซลล์จะสามารถให้บริษัทฯออกใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (REC) ได้และนำไปขายให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการชดเชยการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของกิจการ ซึ่งเรามีลูกค้าจำนวนมากในไทย ภายในเดือนมีนาคมนี้บริษัทจะเปิดตัวธุรกิจ REC Aggregator อย่างเป็นทางการเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการตรวจรับรอง REC เพื่อรองรับทั้งผู้ใช้ทั่วไป และธุรกิจที่ติดตั้ง Solar Rooftop ทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถแปลงปริมาณไฟฟ้าสะอาดที่ผลิตได้เป็น REC
นอกจากนี้บริษัทฯจะให้บริการครบวงจร ทั้งรับติดตั้งโซลาร์เซลล์ ประเมิน และออก REC และนำไปขายในตลาดและนำมาจ่ายคืนให้บ้านเรือนที่เข้าโครงการ ซึ่งบริษัทฯได้ร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยเพื่อให้ลูกค้ามาลงทะเบียนในแพลตฟอร์มของธนาคาร และจะมีการจัดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารมาสนับสนุน
โดยขนาดบ้านเรือนที่เหมาะสมในการติดตั้งโซลาร์เซลล์ และออก REC จะอยู่ที่ประมาณ 5 กิโลวัตต์เป็นบ้านที่มีการใช้เครื่องปรับอากาศ 3 เครื่อง และมีเครื่องใช้ไฟฟ้าตามปกติทั่วไป อาทิ ตู้เย็น ทีวี พัดลม เป็นต้น และมีการใช้ไฟฟ้าในตอนกลางวัน 5-6 ชม.ต่อวัน ซึ่งค่าติดตั้งเบ็ดเสร็จประมาณหลักแสนบาทต้นๆ ซึ่งลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 1.3-1.7 แสนบาท ระยะเวลาคืนทุนปกติ 3 ปี หากมีการขาย REC ด้วยระยะเวลาคืนทุนจะเร็วขึ้นกว่านั้น โดยบ้านที่ติดตั้งจะมีรายได้กลับเข้ามาหลักร้อยบาทต่อเดือนจากการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 3.5 ตันคาร์บอนต่อปี โดยจะได้ไปตลอดอายุของอุปกรณ์ ซึ่งตอนนี้ราคาซื้อขาย REC ในตลาดลดลงแต่ก็ยังไปได้ดีประมาณ 60-70 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ในไตรมาสที่ 3 จะเปิดบริการ Carbon Credit Aggregator ซึ่งบริษัทฯจะเป็นตัวกลางในการรวบรวมคาร์บอนเครดิตจากการสถานีชาร์จไฟฟ้า (DC Charger) และนำไปซื้อขายในตลาดคาร์บอน ซึ่งจะเป็นมาตรการจูงใจให้มีการขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าให้เร็วขึ้น และในเฟสต่อไปมีแผนที่จะต่อยอดไปให้ถึงผู้ใช้รถยานยนต์ไฟฟ้ารายบุคคล (EV) โดยทุกระยะทางการขับขี่จะสามารถแปลงเป็นคาร์บอนเครดิต และนำไปขายได้ ซึ่งกำลังหารือกับพันธมิตรค่ายรถ EV จากจีน 3 ราย เพื่อเสนอเป็นแพคเกจออกคาร์บอนเครดิตให้กับลูกค้าที่ซื้อรถจูงใจใช้รถ EV
“เราต้องการทำให้การเข้าถึงพลังงานสะอาดเป็นเรื่องง่าย และใกล้ตัวทุกคนมากขึ้น ทำให้ประชาชนเข้าถึง และมีรายได้กลับคืนจากพลังงานสะอาดเป็นรูปธรรม”
สำหรับปี 2568 บริษัทฯวางเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 400 ล้านบาท ขยายตัวประมาณ 38% กำไรประมาณ 15-20 ล้านบาท และจะเพิ่มลูกค้าได้มากกว่า 30% โดยจะขยายกลุ่มเป้าหมายสู่กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมเพิ่ม และประชาชนรายย่อย มีส่วนช่วยสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจก 1.5 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เมื่อรวมยอดสะสมตั้งแต่ปี 2565 ลดได้ราว 4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และคาดว่าอีก 2 ปีเราพร้อมจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย