“เลขาฯสมช.” แจง “อปท.”ซื้อวัคซีนเองไม่ได้ ต้องผ่านความเห็นชอบจาก “ศบค.” เพื่อให้การทำงานสอดคล้องกันและใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศปก.ศบค. ให้สัมภาษณ์ถึงประกาศข้อกำหนดบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 ที่ปลดล็อกให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถใช้งบประมาณจัดซื้อวัคซีนฉีดให้ประชาชนในพื้นที่ ว่า เรื่องนี้เป็นข้อสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.
เลขาสมช. กล่าวต่อว่า ในชั้นต้นถึงต้องมีแนวปฏิบัติ โดยในประกาศราชกิจจานุเบกษามีส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือหน่วยงานที่สามารถนำเข้าวัคซีนมาในราชอาณาจักรได้ เช่น กรมควบคุมโรค สถาบันวัคซีนแห่งชาติ องค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย และสถาบันจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับให้เอกชนและโรงพยาบาลเอกชน สามารถจัดซื้อวัคซีนจากหน่วยงานข้างต้นได้ แต่ไม่สามารถสั่งตรงจากบริษัทผู้ผลิตวัคซีนได้ และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถจัดซื้อวัคซีนเองได้ แต่ต้องดูระเบียบข้อบังคับทางกฎหมาย รวมถึงแผนงานงบประมาณ และแผนวัคซีนของ ศบค.ด้วย เพราะ อปท.ต้องใช้งบประมาณของแผ่นดินเช่นกัน จึงต้องใช้งบอย่างคุ้มค่ามากที่สุดและต้องสอดคล้องกับแผน ศบค. ที่สำคัญทุกหน่วยงานที่จะซื้อวัคซีน ต้องบูรณาการร่วมกันกับแอพพลิเคชั่น “หมอพร้อม” เพราะจะป็นแพลตฟอร์มสุดท้ายที่มีข้อมูลประชาชนทั้งไทยและต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้ว
เลขาธิการสมช. กล่าวด้วยว่า ศักยภาพงบประมาณที่แตกต่าง ของแต่ละอปท.อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ จึงอยากให้ทำหน้าที่แค่สนับสนุนอำนวยความสะดวก จัดประชาชนตามที่ ศบค. หรือกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการอยู่ ซึ่งหากจะซื้อจะต้องดูกฎหมายแผนงานที่ ศบค. กำหนดว่าเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งข้อเท็จจริงก่อนหน้านี้ ศบค.ได้พิจารณากระจายวัคซีนได้เหมาะสมแล้ว โดยพิจารณาจากสัดส่วนประชากร สถานการณ์การแพร่ระบาด ดังนั้นจังหวัดใดที่สถานการณ์การแพร่ระบาดสูงเป็นพื้นที่เสี่ยง จะได้รับฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น และพื้นที่เศรษฐกิจ ทั้งนี้ แต่ละ อปท.ที่จะซื้อจะต้องผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จึงนำมาเข้าศบค.อีกครั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่า เมื่อประกาศราชกิจจานุเบกษาแล้วทุก อปท. จะสามารถซื้อวัคซีนได้เองในทันที
เลขาธิการสมช. กล่าวต่อว่า ขณะที่การจัดซื้อของเอกชนสามารถดำเนินการควบคู่กับการกระจายวัคซีนของศบค. เพราะคนไทยได้ฉีดได้เร็วเท่าใดยิ่งดี ทั้งนี้รัฐบาลได้เตรียมวัคซีนไว้จำนวน 100 ล้านโด๊ส เพื่อฉีดให้คนไทย 50 ล้านคน จาก 67 ล้านคน รวมกับต่างชาติที่อยู่ในไทย 2.6 ล้านคน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่
“ยอมรับปัญหาขณะนี้คือไม่ทราบว่าคนไทย ที่ต้องการจะฉีดวัคซีน มีจำนวนเท่าใด ถ้าหากสั่งวัคซีนเข้ามาในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาในภายหลัง เพราะไม่มีคนฉีด ซึ่งหากมองปัญหาในอนาคตก็เป็นเรื่องลำบาก และเมื่อถึงวันนั้นจะถูกสื่อมวลชนตำหนิ และขอให้ทุกคนนึกถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ว่าเมื่อถึงเดือนก.ย.สถานการณ์ดีขึ้น ถ้ามีคนไทยต้องการฉีดเท่าใด จึงมีการเตรียมวัคซีนไว้จำนวนหนึ่งซึ่งคิดว่ามีปริมาณมากพอ วัคซีนที่เอกชนจะจัดซื้อเข้ามามีประมาณ 3-5 ล้านโด๊ส แต่ยังไม่ทราบว่าจะนำเข้ามาในช่วงเวลาใด”พล.อ.ณัฐพลกล่าว