วันศุกร์, พฤษภาคม 9, 2025
หน้าแรกCOLUMNISTS“รอมฎอนสู่สันติสุข” สร้างบรรยากาศสงบสุข
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“รอมฎอนสู่สันติสุข” สร้างบรรยากาศสงบสุข

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 8 มี.ค.68 สัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วย รมต.ประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี /รมว.กลาโหม ให้เป็นประธานการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) เพื่อรับฟังปัญหา และเตรียมจัดทํายุทธศาสตร์ใหม่ รวมทั้งการลงพื้นที่ จชต.ในช่วงที่ผ่านมาด้วย 

@@@…….คาดว่าจะมีการแต่งตั้งคณะพูดคุยฯ หลังจากเดือนรอมฎอน หรือ หลังเดือนแห่งการถือศีลอด และจะมีการทําโครงการ “รอมฎอนสู่สันติสุข” ส่งสัญญาณไปยังกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ ตลอดจนรัฐบาลมาเลเซีย และรัฐบาลอินโดนีเซีย เพื่อร่วมกันสร้างบรรยากาศความสงบในห้วงเดือนรอมฎอน หากโครงการรอมฎอนสันติสุขผ่านไปด้วยดี ทั้งนี้ มีการคาดหมายว่า พล.อ.นิพัทธ์ อาจจะได้รับการพิจารณาแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขของฝ่ายไทย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ก็ตาม สำหรับ พล.อ.นิพัทธ์ นั้น ได้เคยร่วมคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ และร่วมทํากระบวนการสันติสุขกับกลุ่ม BRN เมื่อปี 2556 รวมทั้งยังเคยมีประสบการณ์จากอาเจะห์ และเคยไปเป็นผู้สังเกต การณ์ในกระบวนการวางอาวุธเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างอาเจะห์กับอินโดนีเซียมาก่อนแล้วด้วย 

@@@…….การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวเป็นการคาดการณ์ของสื่อในการแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขของไทยที่หลายฝ่าย ทั้งกลุ่มขบวนการ BRN, ภาคประชาสังคมในพื้นที่ จชต. และกลุ่มเห็นต่าง ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยของไทย ในการเจรจาสันติสุขกับขบวนการ BRN ซึ่งจะส่งผลทําให้เกิดความชัดเจนของผู้ที่จะมาทําหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยฯ ในการดําเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา จชต. ต่อไป อย่างไรก็ตาม การพูดคุยเพื่อสันติสุข จะถือเป็นการเจรจาจากภาครัฐอย่างเป็นทางการนั้น ไม่ได้ เนื่องจากสถานะของกลุ่ม BRN หรือขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี คือ กลุ่มขบวนการทางการเมืองแบ่งแยกดินแดนที่อยู่นอกกฎหมาย และมีสถานะทางสากลเป็นกลุ่มก่อการร้าย ดังนั้น การพูดคุยเพื่อสันติสุข จึงจะมีการผูกมัดเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัตินั้น ไม่ได้ แต่ก็อาจถือเป็นการพูดคุยหารือกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่สร้างสรร เพื่อมุ่งไปสู่ความสงบสุขสันติสำหรับอนาคตที่ดีกว่าจากนี้ไปได้ในระดับหนึ่ง 

@@@…….การก่อเหตุสร้างสถานการณ์ของกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ เช่น การเผากล้องวงจรปิดหน้า รพ.สต.เตราะหัก ม.4 ต.บ้านน้ำบ่อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี และการขว้างระเบิดแสวงเครื่องชนิดไปป์บอมบ์ จํานวน 2 ลูก ระเบิดทํางาน 1 ลูก และอีกลูกไม่ทํางานตกอยู่กลางถนน บริเวณสี่แยกป้อมถนนพาดทางรถไฟใกล้กับตลาดเก่า ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ฝ่ายความมั่นคงมองว่า เป็นการก่อเหตุเพื่อดํารงแสดงศักยภาพ และการมีตัวตนของกลุ่มฯ รวมทั้งต้องการหล่อเลี้ยงสถานการณ์ และต้องการสะท้อนสื่อให้ฝ่ายรัฐเร่งหาแนวทางในการกําหนด กรอบเวลาในกระบวนการพูดคุยกับขบวนการ BRN ที่ชัดเจนจากนี้ไปนั่นเอง 

@@@…….อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ดังกล่าว คาดว่า กลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ก่อเหตุ ได้ออกมาแสดงการมีตัวตนในพื้นที่ โดยส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนเกิดความรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจําวัน ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ใกล้ตลาดเก่า อันเป็นตลาดของชาวมุสลิมที่ใช้ในการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน จึงเห็นควรให้ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ถึงการทําร้ายพี่น้องมุสลิมด้วยกันในห้วงเดือนรอมฎอนไปพร้อมด้วย ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคง จะได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่า โครงการ “รอมฎอนสู่สันติสุข” จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครั้งใหม่ นำไปสู่ความมั่นคง และความสงบร่มเย็นให้เกิดขึ้นในพื้นที่ได้สำเร็จในที่สุดสำหรับอนาคตจากนี้ไป

@@@…….ตรวจเยี่ยม….พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.ไพบูลย์ วรวรรณปรีชา รองเสนาธิการทหาร, เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร, ผู้แทนศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก และคณะ ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมอื่น ๆ ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ตลอดจนติดตามการจัดตั้งศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกัน และแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านส่วนหน้า (ศอ.ปชด.ส่วนหน้า)

@@@…….ศูนย์อำนวยการฯ แห่งนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นกลไกสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของพื้นที่ชายแดนไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมทางเทคโนโลยี การค้ามนุษย์ ยาเสพติด และการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดผลเป็นรูปธรรมในการรักษาความสงบเรียบร้อยของพื้นที่ชายแดนอย่างยั่งยืน

@@@……. ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก ได้ดำเนินการอำนวยความสะดวกในการส่งตัวบุคคลสัญชาติจีนที่ถูกหลอกไปทำงานผิดกฎหมายในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา กลับประเทศต้นทาง ตามคำร้องขอของสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ จากการประสานงานระหว่างรัฐบาลไทย-เมียนมา-จีน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือแนวทางปฏิบัติร่วมกันและกำหนดให้การส่งตัวบุคคลสัญชาติจีน จำนวน 1,439 คน ผ่านทางอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ระหว่างวันที่ 6-9 มี.ค. 2568 โดยแบ่งการดำเนินงานเป็นวันละ 456 คน และวันสุดท้าย จำนวน 71 คน เพื่อให้เป็นไปอย่างเป็นระเบียบและเป็นไปตามมาตรการด้านความมั่นคง

@@@…….โดยมีกระบวนการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนที่สำคัญ ดังนี้ 1. การดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองกำลังนเรศวร, ตำรวจภูธรจังหวัดตาก, ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก และฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันดูแลความปลอดภัยและดำเนินการส่งตัวบุคคลสัญชาติจีนให้เป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งมีการจัดเตรียมรถบัส 12 คัน นำบุคคลสัญชาติจีนเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบประวัติ ณ สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2

@@@…….2. การตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมาย โดยตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก ได้ดำเนินการปฏิเสธการเข้าเมืองตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 พร้อมทั้งมีการบันทึกข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล (Biometric) และลงบัญชี Blacklist เพื่อป้องกันการกลับเข้ามาในราชอาณาจักร 3. การส่งตัวกลับประเทศต้นทาง โดยบุคคลสัญชาติจีนเดินทางจากสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ไปยังสนามบินแม่สอด ซึ่งทางการจีนได้จัดเตรียมเที่ยวบินพิเศษ 6 ไฟล์ท เพื่อดำเนินการส่งตัวกลับประเทศ

@@@…….ทั้งนี้ พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ หัวหน้าศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน (ศอ.ปชด.ส่วนหน้า) พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ สังเกตการณ์การปฏิบัติตามขั้นตอนในการส่งตัวชาวต่างชาติที่ถูกหลอกไปทำงานผิดกฎหมายในเมียนมากลับประเทศต้นทาง ณ อาคารที่ทำการสะพานมิตรภาพ แห่งที่ 2 ทางฝั่งไทยและฝั่งเมียนมา และที่สนามบินแม่สอด โดยได้ร่วมประชุมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางการดำเนินงานและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ในการส่งตัวบุคคลสัญชาติจีนกลับประเทศต้นทางให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง คำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ถูกส่งตัวกลับ เพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำในอนาคต

@@@…….กองทัพเรือ….พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยมหมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ บนเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจอดเทียบท่า ณ ท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบจังหวัดชลบุรี พร้อมทั้งมอบโอวาทแก่นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 1-4 ที่จะเดินทางไปฝึกภาคปฏิบัติในทะเลต่างประเทศ ประจำปีการศึกษา 2567 การฝึกภาคต่างประเทศของนักเรียนนายเรือมีวัตถุประสงค์เพื่อ – เพื่อฝึกอบรม นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 1-4 ให้มีความรู้พื้นฐานในวิชาชีพทหารเรือและมีขีดความสามารถที่จะปฏิบัติงานในเรือหลวงเมื่อสำเร็จการศึกษา รวมถึงเพิ่มพูนความสัมพันธ์อันดีกับประเทศต่างๆ ในโอกาสที่หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ แวะเยี่ยมเมืองท่าต่างประเทศ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ศิลปะและวัฒนธรรมให้เป็นที่รู้จักแก่ชาวต่างประเทศมากยิ่งขึ้น

@@@…….สำหรับหมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ มี เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงเจ้าพระยา เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ประกอบกำลังเป็นหมู่เรือฝึก ฯ มี พลเรือตรี บวร พรมแก้วงาม หัวหน้าฝ่ายศึกษาโรงเรียนนายเรือ เป็นผู้บังคับหมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ มีกำลังพล จำนวน 763 นาย ประกอบด้วย กองบังคับการหมู่เรือฝึก จำนวน 76 นาย นักเรียนนายเรือ ชั้นปีที่ 1-4 จำนวน 338 นาย กำลังพลเรือฝึก (เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงเจ้าพระยา และเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์) จำนวน 349 นาย

@@@…….การฝึกภาคปฏิบัติในทะเลต่างประเทศของนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 1-4 ประจำปีการศึกษา 2567 ในครั้งนี้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ – 11 เมษายน 2568 โดยจอดแวะเยี่ยมเมืองท่าต่างประเทศ เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือมิตรประเทศ จำนวน 3 เมืองท่า ได้แก่ เมืองท่าซูบิค ประเทศฟิลิปปินส์ เมืองท่าโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเมืองท่าจ้านเจียง ประเทศจีน มีหัวข้อการฝึกที่สำคัญ อาทิ การฝึกนำเรือเทียบ-ออกจากเทียบ การฝึกยิงอาวุธประจำกาย การฝึกยิงอาวุธในทะเล การฝึกรับ-ส่งจากเฮลิคอปเตอร์ การฝึกสถานีรบการฝึกรับ-ส่งสิ่งของในทะเล การฝึกพ่วงจูงเรือ การฝึกเก็บคนตกน้ำด้วยเรือใหญ่ และฝึกการแปรกระบวน เป็นต้น

@@@…….พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ MG Michelle Schmidt, 7th ID CG ผบ.พล.ร.7 ทบ.สหรัฐฯ และ COL TEO SWEE PIEU ร่วมตรวจเยี่ยมการฝึกปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก ในการฝึกคอบร้าโกลด์ 2025 ณ สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 15 หาดยาว อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี การปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก มีภารกิจหลักเพื่อแย่งยึดพื้นที่บริเวณหัวหาดของฝ่ายตรงข้าม โดยใช้สรรพกำลังทางเรือ และกำลังรบยกพลขึ้นบก เริ่มจากการระดมยิงหัวหาดด้วยปืนใหญ่เรือ อากาศยานทำการสนับสนุนทางอากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อริดรอนอำนาจการยิงต่อต้านของข้าศึก หลังจากนั้นกำลังรบยกพลขึ้นบกจะเข้ายึดหัวหาด และดำเนินกลยุทธ์รุกเข้าไปในดินแดนฝ่ายตรงข้ามต่อไป พร้อมทั้งสถาปนาหัวหาดให้มีความปลอดภัยต่อกำลังรบ ซึ่งในปีนี้มีกำลังพลเข้าร่วมการฝึกจัดกำลังพลจากกองทัพไทย กองทัพสหรัฐอเมริกา กองทัพสาธารณรัฐเกาหลี และกองทัพเรือสาธารณรัฐสิงคโปร์ 

@@@…….โดยกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาได้นำเครื่องบินขับไล่แบบ F-16 จำนวน 2 ลำ กองทัพบกสหรัฐอเมริกา ฮ.ลล. แบบ UH-60 (Blackhawk) จำนวน 2 ลำ, Assault Helicopter AH-64 จำนวน 2 ลำ พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารต่างๆ มาเข้าร่วมการฝึกฯ ร่วมกับกองกำลังฝ่ายไทย โดยกองทัพเรือได้นำเรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงวังในและเรือหลวงทองหลาง พร้อมกำลังรบยกพลขึ้นบก (นาวิกโยธิน) รถสะเทินน้ำสะเทินบก และเครื่องบินอากาศยานไร้คนขับ รุ่น Blackjack จำนวน 1 ลำ สำหรับกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี ได้นำเรือ ROKN No Joek Bong (LSTII – 689) และรถสะเทินน้ำสะเทินบก KAAV จำนวน 6 คัน และในปีนี้ กองทัพเรือสาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้นำเรือ RSS Endeavour (LPD – 210) เข้าร่วมในการฝึกฯ ครั้งนี้ด้วย

@@@…….การฝึกปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบกในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความพร้อมรบและพัฒนาขีดความสามารถทางทหาร รวมทั้งแสดงแสนยานุภาพทางทหาร ในการปฏิบัติการร่วมกันของกองทัพพันธมิตร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กองทัพไทยมีความพร้อมรบทุกมิติ รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างมิตรประเทศ และความร่วมมือทางทหารอันเป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติตลอดไป

@@@…….ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยผู้แทนภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย คุณกำพล แจ้งสุทธิวรวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารความร่วมมือกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), คุณปริญญา คุ้มสระพรม รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล, คุณเกรียงศักดิ์ เครือศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการยุทธศาสตร์ (กิจการองค์กร) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และ คุณจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค เป็นประธานร่วมเปิดโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” ประจำปี 2568 ของหน่วยทหารในพื้นที่ส่วนกลาง พร้อมกับกรมการทหารช่างและหน่วยทหารในพื้นที่ส่วนภูมิภาค ทั้ง 34 มณฑลทหารบกทั่วประเทศ

@@@…….โครงการดังกล่าว กองทัพบกได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), กรมทรัพยากรน้ำบาดาล, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 จนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 27 ซึ่งแต่ละหน่วยงานได้นำศักยภาพของทรัพยากรที่มีอยู่ ร่วมบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง หรือในพื้นที่ขาดแคลน ที่ระบบชลประทาน ตามศักยภาพของแต่ละหน่วยงาน ดังนี้ กองทัพบก ได้มอบให้หน่วยทหารทุกพื้นที่นำรถยนต์บรรทุกน้ำ แจกจ่ายน้ำให้ประชาชนบริเวณที่เป็นศูนย์รวมของหมู่บ้าน เช่น วัด โรงเรียน สถานีอนามัย และศาสนสถาน รวมทั้งแจกจ่ายฟางแห้งสำหรับเป็นอาหารสัตว์ ในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง ขณะเดียวกันได้ร่วมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล เข้าปรับปรุงฟื้นฟูและขุดลอกแหล่งน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบและยั่งยืน

@@@…….บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มอบถังบรรจุน้ำเพื่อให้ประชาชนได้เก็บกักน้ำไว้ใช้ พร้อมทั้งสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการเคลื่อนย้ายยานพาหนะและค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการดำเนินโครงการ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สนับสนุนจุดจ่ายน้ำบาดาล รวม 237 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งการซ่อมบำรุงและปรับปรุงบ่อน้ำบาดาลในพื้นที่ต่างๆ ให้เป็นจุดจ่ายน้ำถาวร การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สนับสนุนกระแสไฟฟ้าในบริเวณจุดจ่ายน้ำ และการประปาส่วนภูมิภาค สนับสนุนน้ำประปาให้กับหน่วยงานของกองทัพบก เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ประชาชน 

@@@…….สำหรับผลการดำเนินโครงการในปีนี้ ตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน (5 มี.ค.68) สามารถช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่างๆ รวม 7 จังหวัด ได้แก่ จ.ราชบุรี, จ.นครราชสีมา, จ.มหาสารคาม, จ.ร้อยเอ็ด, จ.พะเยา, จ.เพชรบูรณ์ และ จ.แม่ฮ่องสอน โดยได้แจกจ่ายน้ำ รวม 174,000 ลิตร ทั้งนี้ โครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2568 ซึ่งประชาชนที่ได้รับผลกระทบหรือต้องการขอรับความช่วยเหลือ สามารถแจ้งหน่วยทหารในพื้นที่ รวมทั้งหน่วยงานในสังกัดภาคีเครือข่าย หรือติดต่อสายด่วนภัยแล้งของกองทัพบก ได้แก่ พื้นที่ภาคกลาง โดยกองทัพภาคที่ 1 โทร. 02-297-7648-9 และ 02-280-3977, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยกองทัพภาคที่ 2 โทร. 044-245-946, ภาคเหนือ โดยกองทัพภาคที่ 3 โทร. 055-242-859 และภาคใต้ โดยกองทัพภาคที่ 4 โทร.075-383-405 ได้ตลอด 24 ชม. 

…………..

คอลัมน์  : “Military Key”

โดย.. “รหัสมอร์ส

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img