บอร์ด สปส. รับหลักการปรับสูตรคำนวณบำนาญใหม่ เริ่ม 1 ม.ค. 69 พร้อมปรับฐานเงินสมทบแบบขั้นบันได รับฟังความเห็น 90 วัน ช่วย 3 แสนคนได้เพิ่มกว่า 2,000 บาท ขอให้ผู้ประกันตนร่วมแสดงความเห็น หวังแก้กฎหมายเสร็จในมิ.ย.2568 ไม่มีผลย้อนหลัง
เมื่อวันที่ 11 มี.ค.68ที่สำนักงานประกันสังคม จ.นนทบุรี นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) แถลงภายหลังการประชุมบอร์ดประกันสังคมว่า บอร์ดประกันสังคมที่นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธาน มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบในหลักการปรับสูตรบำนาญชราภาพ ผู้ประกันตน มาตรา 33 และมาตรา 39 โดยให้สปส.กลับไปพิจารณาดำเนินการในรายละเอียดให้มีความละเอียดเพิ่มเติมมากขึ้น ทั้งนี้ การดำเนินการเรื่องปรับสูตรคำนวณบำนาญชราภาพ จะทำควบคู่กับการปรับเพดานค่าจ้างเงินสมทบแบบขั้นบันได ที่จะเริ่มปรับในวันที่ 1 ม.ค.2569 จะเป็นกระบวนการที่สอดรับกันพอดี ก็คาดว่าจะมีผลบังคับใช้สูตรคำนวณบำนาญชราภาพใหม่ ในวันที่ 1 ม.ค. 2569 ด้วย โดยยืนยันว่าไม่กระทบกับสเถียรภาพกองทุน
“สูตรที่จะมีการใช้ใหม่ก็คือที่เรียกว่า แคร์(CARE) ซึ่งสำนักงานประกันสังคมไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้ ได้มีการศึกษาเริ่มมาตั้งแต่ปี 2563 และได้มาสำเร็จและเห็นรูปธรรมชัดเจนในวันนี้”นางมารศรีกล่าว และว่า คนที่รับบำนาญชราภาพ หากมีการใช้สูตรใหม่แล้วได้รับบำนาญลดลงก็จะให้ได้เท่าเดิม แต่ถ้าได้รับเพิ่มขึ้นก็จะได้รับเพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นธรรมมากที่สุด ซึ่งปัจจุบัน มีผู้รับบำนาญชราภาพอยู่ที่ 8 แสนคน และค่อยๆ ทยอยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 1 แสนคน ก็จะได้รับความเป็นธรรมกับสูตรใหม่นี้ทั้งผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39
ด้าน รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน บอร์ดประกันสังคม กล่าวว่า เป็นข่าวดีของผู้ประกันตนและนายจ้างที่จะสามารถเพิ่มสวัสดิการให้ผู้ประกันตนได้อย่างเป็นธรรม เนื่องจากการปรับสูตรบำนาญชราภาพใหม่ จะเป็นการปรับเฉลี่ยรายได้ตลอดอายุ โดยกระบวนการต่อจากนี้จะเข้าสู่การทำประชาพิจารณ์ เพื่อแก้ไขกฎหมายเป็นระยะเวลา 90 วัน ถือว่าสามารถเดินตามก้าวที่วางไว้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ประกันตนโดยเฉพาะมาตรา 39 และมาตรา 33 ส่วนหนึ่งที่สูญเสียเงินค่าจ้างไปในช่วงท้ายของการจ่ายเงินสมทบ

รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ยังได้ลงมากล่าวกับมวลชนที่รออยู่ด้านล่างอาคารว่า วันนี้ บอร์ดสปส.มีมติสำคัญคือ รับหลักการสูตรบำนาญค่าเฉลี่ยทั้งชีวิตของผู้ประกันตน โดยปรับตามอัตราค่าเงิน จะทำให้ผู้ประกันตนมาตรา 39 กว่า 3 แสนคน มีเงินบำนาญเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 พันบาท นี่คือความเป็นธรรมที่จะเกิดขึ้น เป็นวันที่เราสามารถฉลองได้ แต่ยังไม่จบแค่นี้ การต่อสู้ของกลุ่มประกันสังคมก้าวหน้าเพื่อผลักดันความเป็นธรรมให้เดินหน้าต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือประมาณ 1 ปี
จากนั้น รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตามความเห็นของฝ่ายวิจัยในการเปลี่ยนมาใช้สูตรแคร์ สามารถทำได้ก่อนการปรับเพดานค่านจ้าง เงินสมทบ ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะฉะนั้น การทำประชาพิจารณ์ใน 30 วันนี้ เมื่อผลแล้วเสร็จก็เข้าสู่การพิจารณาของอนุกรรมการสิทธิประโยชน์และนำเข้าบอร์ดประกันสังคม คาดว่าภายในเดือนพ.ค.2568 ผลการประชาพิจารณ์จะนำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดอีกครั้ง เพื่อเห็นชอบครั้งสุดท้ายก่อนเดินหน้าเข้าสู่การแก้ไขกฎกระทรวงในเรื่องนี้ หวังว่าแก้ไขกฎหมายจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิ.ย.2568
“แม้ว่าคนที่เกษียณไปแล้ว สูตรแคร์จะทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในการคำนวณบำนาญเช่น อีก 5 ปีข้างหน้า เงินเพดานค่าจ้าง 20,000 บาท แต่เคยได้เงินค่าจ้าง 10,000 บาท ก็จะไม่ถูกบล็อกที่รายได้ 15,000 บาท แม้ว่าจะเกษียณไปแล้ว มีการคำนวณให้ใหม่ก็จะได้ฐานเงินเดือนที่ปรับเพิ่ม อย่างไรก็ตาม การที่จะทำให้ผู้ประกันตนได้รับเงินบำนาญชราภาพเยอะที่สุดจะต้องดำเนินการควบคู่กันทั้งปรับเพดาค่าจ้างจ่ายเงินสมทบและเปลี่ยนสูตรคำนวณบำนาญ จะทำให้เกิดความสมบูรณ์ที่สุด แต่การบังคับใช้สูตรแคร์ก็ไม่ได้ผูกกับการปรับเพดานค่าจ้าง” รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ กล่าว ดังนั้นขอให้ผู้ประกันตนมาร่วมกันแสดงความคิดเห็นกันเยอะ
รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ กล่าวด้วยว่า ตามข้อเสนอไม่ได้จ่ายย้อนหลัง แต่จะมีการจ่ายชดเชยให้ เช่น ตอนนี้อายุ 65 ปี รับเงินบำนาญชราภาพ 1,500 บาท มาเป็นเวลา 5 ปี ถ้าปรับเป็นสูตรแคร์ แล้วได้มากขึ้นเป็น 4,500 บาท เดือนถัดไปหลังจากมีกฎหมายออกมาแล้วก็สามารถรับที่ 4,500 บาทได้เลย แต่ไม่ได้มีผลย้อนหลังให้กับงวดบำนาญที่ผ่านมา.
/////////