’กมลศักดิ์‘ เผยความมั่นคงรับมีมติส่งอุยกูร์กลับก่อนมาแจง กมธ.รอบแรก บอกจีนเข้าไปทำข้อมูลส่วนบุคคล ขอเอกสารสมัครใจภายใน 15 วัน ตม .บอกไม่มีบันทึกภาพ เหตุเป็นชาวต่างชาติ ไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหาย
วันที่ 12 มี.ค.68 ที่รัฐสภา นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน แถลงภายหลังประชุมติดตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินการส่งตัวผู้ถูกกักตัวชาวอุยกูร์กลับไปประเทศต้นทางว่า คณะกรรมาธิการฯ อยากให้รัฐบาลปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง โดยเฉพาะเรื่องการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 (พ.ร.บ.อุ้มหายฯ) ซึ่งได้สอบถามหน่วยงานที่เค้าชี้แจงเรื่องแนวทางการปฏิบัติ และเหตุใดในวันที่ 29 ม.ค.68 หน่วยงานถึงปฏิเสธ ตอบไม่ทราบว่าจะส่งกลับชาวอุยกูร์หรือไม่ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ เชิญสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักงานตรวจรนตมเข้าเมือง กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงยุติธรรม โดยประเด็นแรกที่เราตั้งคำถาม เราอยากรู้ว่าเหตุใดตอนนั้นหน่วยงานถึงปฏิเสธเรา และกระบวนการส่งกลับมีขั้นตอนอย่างไร ได้ปฏิบัติตามมาตรา 13, 22 และ 23 ของ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ หรือไม่ หน่วยงานที่เข้าชี้แจงจึงบอกว่าเมื่อวันที่ 29 ม.ค.68 ที่เข้ามาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ นั้น ไม่ทราบจริง ๆ มาทราบภายหลังว่าเรื่องนี้ สมช.มีการประชุมลับตั้งแต่ 17 ม.ค.68 มีมติส่งกลับประเทศจีนแต่ไม่แจ้งให้หน่วยทราบ สมช.แจ้งกับตม.ว่าจะมีการส่งตัวกลับและสถานทูตจีนจะเข้าไปพบผู้ถูกกระทำที่ห้องกัก ตม. (สวนพลู) เพื่อทำข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
นายกมลศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนความสมัครใจนั้น พฤติการณ์ที่สถานทูตจีนเข้าไปทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ตม.ไม่มีเอกสารมาแสดง คณะกรรมาธิการฯ จึงมีมติให้ ตม.ส่งเอกสารดังกล่าว และไทม์ไลน์ที่สถานทูตจีนเข้าไปตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลกลับมายังคณะกรรมาธิการฯ ภายใน 15 วัน รวมคลิปจากกล้องวิดีโอ และเอกสารแสดงความยินยอมกลับจีน จะประสานงานทางสถานทูตจีนเพื่อส่งกลับมายังคณะกรรมาธิการฯ ต่อไป อย่างไรก็ตามคณะกรรมาธิการฯ ได้ตั้งคำถามเรื่องกล้องบันทึกเหตุการณ์ระหว่างขึ้นรถไปถึงสนามบิน ตม.ชี้แจงว่ากล้องในที่กักตัว เป็นกล้องเรียลไทม์ไม่ได้มีการอัดไว้ และไม่มีงบประมาณในการทำสิ่งเหล่านี้ การควบคุมตัว เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ อยู่แล้ว จึงถาม ตม.ว่าได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ หรือไม่ รวมถึงหารือว่าชาวอุยกูร์จะถูกกระทำย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือไม่เมื่อกลับไปที่ประเทศต้นทาง ซึ่งหน่วยงานที่ชี้แจงกล่าวว่าเรื่องนี้ สมช.เป็นผู้พิจารณา จึงไม่มีคำตอบให้
นายกมลศักดิ์ กล่าวถึงประเด็นกล้อง ซึ่ง ตม.บอกว่ากรณีนี้เป็นคนต่างชาติ ไม่จำเป็นต้องมีการบันทึกภาพ หรือทำตาม พ.ร.บอุ้มหายฯ เรื่องนี้คณะกรรมาธิการเห็นแย้ง โดยหลังจากนี้ต้องทบทวนและพูดคุยกับระดับปฏิบัติงาน เพื่อให้มีความเข้าใจตรงกัน ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาเช่นนี้ตลอดไม่จบไม่สิ้น และมีการตีความเป็นประโยชน์กับหน่วยงานรัฐ ส่วนประเด็นอื่นจะให้ฝ่ายบริหารเป็นผู้พิสูจน์ว่าส่งชาวอุยกูร์กลับไปแล้ว พวกเขาไม่ได้ถูกย่ำยีอยู่เย็นเป็นสุขที่ประเทศจีน อีกทั้ง สมช.มีนโยบายจะเดินทางไปดูสภาพความเป็นอยู่ คณะกรรมาธิการฯ จึงขอให้มีการแจ้งให้ทราบและให้ส่งข้อมูลมากลับมาโดยเร็ว
ด้านนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวว่า วันนี้รับฟังส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พบเงื่อนงำในการผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน ตนเองไม่อยากทำให้เป็นประเด็นทางด้านการเมือง เพราะหลายคนมองว่าตนเองไม่ยอมมูฟออนหรือก้าวข้าม แต่ปัจจุบันเราต้องหาความชอบธรรมให้ได้ ความชอบธรรมก็คือ ความสมัครใจของชาวอุยกูร์ 40 ชีวิต ก่อนจะเดินทางกลับ เราไม่อยากให้ภาพพจน์ของประเทศไทยตกอยู่ในคำครหา และกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตอนนี้เรายังไม่ได้ข้อมูลและข้อเท็จจริงจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จึงต้องรออีก 15 วัน เพื่อให้ข้อมูลหลักฐานเพิ่มขึ้น ส่วนตัวมองว่าหลักฐานที่จะเพิ่มขึ้นอาจจะไม่สามารถบอกความชัดเจนถึงความสมัครใจกลับของชาวอุยกูร์ได้