ณ เวลา นี้ ตลาดหุ้นไทย เรียกได้ว่ายังกู่ไม่กลับ 3 วันดี 4 วันไข้ มาโดยตลอด ดัชนีหุ้นไทยยังต่ำเตี้ยเรี่ยดินแบบไม่เห็นทางจะโงหัวขึ้นได้อีก
หากนับตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.67 ที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 1,506 จุด มาจนถึงวันนี้ ผ่านมาเกือบ 5 เดือนเต็ม ก็ปรากฎว่า หุ้นไทยตกต่ำมามากกว่า 300 จุดแล้ว โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 13 มี.ค.68 หุ้นไทย ยืนอยู่ที่ระดับ 1,159.64 จุด
โดยเป็นดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากที่ลดลงต่ำสุด เมื่อวันที่ 11 มี.ค.68 ที่ระดับ 1,160 จุด จนทำให้บรรดานักลงทุนอกสั่นขวัญแขวนกันแทบทุกนาที ว่าจะมีอะไรที่เลวร้ายไปกว่านี้อีกหรือไม่?
แม้ทุกคนจะรู้กันอยู่เต็มอกว่า หุ้นไทยที่ปักหัวลงในเวลานี้ มาจากสารพัดปัญหา ที่เข้ามาถาโถม ทั้งจากปัจจัยต่างประเทศ ที่เป็นผลมาจากนโยบาย “ทรัมป์ 2.0”

ขณะเดียวกันยังมีปัญหาภายในประเทศ เข้ามารุมเร้าต่อเนื่อง ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจที่เติบโตเกือบจะต่ำที่สุดในอาเซียนก็ว่าได้
แถมด้วยปัญหาหา “ธรรมาภิบาล” ที่บรรดาบริษัทจดทะเบียนไทย ที่มีสารพัดกลโกงจนทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนแบบยับเยิน
ด้วยความไม่รับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น จากปัญหาทางด้านการเงิน การขาดสภาพคล่อง การใช้จ่ายเงินเกินตัวโดยไปลงทุนในธุรกิจจำนวนมาก หรือแม้แต่การนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ก็ตาม
ล้วนเป็นปัญหาใหญ่ เมื่อผสมปนเป ไปกับความไม่รับผิดชอบของผู้บริหารเข้าด้วยแล้ว ก็ไม่ต้องหวังสิ่งอื่นใด บรรดานักลงทุน โดยเฉพาะที่…ไล่ไม่ทัน ก็ต้องหมดเนื้อหมดตัวกันถ้วนหน้า
แม้ทุกวันนี้ ทั้งรัฐบาล ทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะพยายามออกมาตรการมาเสริมสร้างความเชื่อมั่น แต่สุดท้าย ดัชนีหุ้นไทยก็ยังดิ่งหัว

อย่างล่าสุด…ขุนคลังอย่าง “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯและรมว.คลัง ได้ออกมาให้ข่าวว่า กระทรวงการคลัง กำลังเตรียมออกกฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจให้ คณะกรรมการก.ล.ต. ในการสอบสวน สืบสวน อายัดทรัพย์สิน
รวมไปถึงยังสามารถ สั่งฟ้องบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่กระทำทุจริตต่อพนักงานอัยการได้เพิ่มเติม จากขอบเขตอำนาจในปัจจุบัน
ทั้งหลายทั้งปวง… ก็เพื่อลดระยะเวลาในการดำเนินคดีต่างๆ ลง รวมไปถึงยังจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับคืนมาได้ โดยกระทรวงการคลัง คาดว่าภายในอีก 2 สัปดาห์จะเสนอให้ครม.พิจารณาเห็นชอบได้
แต่การ “ติดดาบ” ให้ “ก.ล.ต.” ในครั้งนี้ แม้ในวันรุ่งขึ้น ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาได้บ้างนิดหน่อย จากข่าวนี้ รวมถึงกรณีที่ครม.เห็นชอบการออก กองทุนไทยอีเอสจี เอ็กซ์ตร้า เพื่อพยุงไม่ให้เงินกว่า 1.8 แสนล้านบาท จากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ : LTF) ไหลออกจากตลาด
แต่ในวัดถัดมา ตลาดหุ้นไทยก็ม้วนตัว ปรับลดลงไปอีก!!

หลายคนตั้งข้อสงสัย!! ว่า ทำไม “มาตรการรัฐบาล” ไม่สามารถพลิกให้ “ตลาดหุ้นไทย” ฟื้นตัวกลับคืนมาได้เลย ซึ่งเวลานี้… ตอบเร็วๆ ได้ทันทีเพราะ นักลงทุนขาดความไม่เชื่อมั่นในทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายรัฐบาล ตัวรัฐบาล การเมือง เศรษฐกิจ เรียกง่ายๆ ว่า ไม่เชื่อมั่นไปทุกอย่างนั่นแหละ
ความไม่เชื่อมั่นครั้งนี้!! ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า ส่วนหนึ่งก็มาจาก “บจ.ขนาดใหญ่” ที่ออกมาเขย่าตลาด จนความเชื่อมั่นหดหายไปหมด ทั้งหุ้นมอร์ หุ้นสตาร์ค หุ้นอีเอ, หุ้นออลล์ อินสไปร์, หุ้นเจเคเอ็น, หุ้นอิตาเลียนไทย หรือแม้แต่หุ้นของธนบุรี เฮลท์แคร์ จากกรณี “หมอบุญ” หลอกลวง นักลงทุนในโครงการแพทย์หลาย ๆโครงการ
จากนี้ไป…ก็ต้องมารอดูกันต่อไปว่า ความพยายามของทั้งกระทรวงการคลัง, ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะกระตุกความเชื่อมั่นของนักลงทุนนั้น จะทำกันได้แค่ไหน?
…………………………
คอลัมน์ : FC Focus by Virgo