“เทพไท” จี้รัฐบาลควรใจกว้าง หลัง “ฝ่ายค้าน” ยอมถอดชื่อ “ทักษิณ” ออกจากญัตติซักฟอก “นายกฯอิ๊งค์” ชี้ไม่ควรใจแคบ-ใช้เวลาบีบบังคับศึกซักฟอก เหน็บแสบนายกฯบอกพร้อมให้ตรวจสอบ แต่คนเดือดร้อนคือ “ฝ่ายบริวาร” เข้าตำรา “น้ำล้างถ้วยเผ็ดกว่าน้ำแกง”
เมื่อวันที่ 14 มี.ค.68 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “น้ำล้างถ้วย เผ็ดกว่าน้ำแกง” มีเนื้อหาว่า…ผมเคารพการตัดสินใจของพรรคประชาชน ที่ยอมถอนลบชื่อนายทักษิณ ชินวัตร ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือด่วนแจ้งมา เพื่อให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ เดินหน้าต่อไปได้
แต่เมื่อได้ติดตามความคืบหน้าการประชุมวิป 3 ฝ่าย ปรากฏว่ายังตกลงไม่ได้ในเรื่องเงื่อนไขเวลาการอภิปรายที่พรรคประชาชนขอไปเป็นเวลา 30 ชั่วโมง แต่วิปฝ่ายรัฐบาลและวิปคณะรัฐมนตรียังไม่เห็นพ้องด้วย จึงทำให้การเจรจาต้องเลื่อนออกไป
ผมอยากจะเสนอแนะให้การกำหนดวันเวลาอภิปราย ไม่ควรเป็นเรื่องข้อตกลงของวิป 3 ฝ่าย เพราะไม่สามารถหาจุดลงตัวได้ ต่างฝ่ายต่างชิงไหวชิงพริบ ต้องการความได้เปรียบกัน ซึ่งควรจะให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นคนกลางในการกำหนดวันอภิปรายที่เหมาะสม โดยพิจารณาถึงเนื้อหาและบุคคลผู้อภิปรายว่ามีจำนวนเท่าไหร่ การนำเงื่อนไขอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว มากำหนดวันเวลาเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะสมัยการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว คือนายบรรหาร ศิลปอาชา และพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เคยใช้เวลาอภิปรายถึง 4 วัน ดังนั้นการอภิปรายนางสาวแพทองธารเพียงคนเดียว ควรจะใช้เวลาใกล้เคียงกัน
ผมอยากจะเสนอความเห็นนี้ไปยังฝ่ายรัฐบาลว่า ควรใจกว้างเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบ เมื่อฝ่ายค้านยอมถอยแก้ไขชื่อนายทักษิณ ออกจากญัตติแล้ว ควรจะให้เวลาพอสมควรกับฝ่ายค้านในการอภิปราย ไม่ควรจะใจแคบหรือใช้เวลาบีบบังคับการทำหน้าที่ตรวจสอบของฝ่ายค้าน
การใช้ระยะเวลาอภิปรายมากน้อยเพียงใดไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะเรื่องนี้ตัวนายกรัฐมนตรี ก็มีความพร้อมให้ตรวจสอบ เพราะเคยให้สัมภาษณ์ไว้แล้วว่าพร้อมจะตอบคำถามและตั้งองครักษ์ขึ้นมาช่วยเหลือ รวมทั้งรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ก็พร้อมจะสนับสนุนข้อมูล และตอบข้อซักถามในกรณีถูกพาดพิง ยังคงมีแต่แกนนำและสส.พรรคเพื่อไทยบางคนเท่านั้น ที่พยายามเกี่ยงเงื่อนไขเพื่อให้ฝ่ายตัวเองได้เปรียบมากที่สุด
อย่าลืมว่าการอภิปรายครั้งนี้ เป็นการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านต่อฝ่ายบริหาร แต่คนที่เดือดร้อนมากที่สุดคือฝ่ายบริวาร ซึ่งแบบนี้ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า “น้ำล้างถ้วยเผ็ดกว่าน้ำแกง”