วันศุกร์, มีนาคม 14, 2025
หน้าแรกHighlight‘รฟท.’ชง‘ครม.’เคาะแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯ ‘ไฮสปีดเทรน’เชื่อม 3 สนามบินในพ.ค.นี้
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘รฟท.’ชง‘ครม.’เคาะแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯ ‘ไฮสปีดเทรน’เชื่อม 3 สนามบินในพ.ค.นี้

“จุฬา” เผยบอร์ดรฟท.เตรียมประชุมพิจารณาร่างแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯไฮสปีด เชื่อม 3 สนามบิน 27 มี.ค. จากนั้นให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบสัญญาใช้เวลา 1 เดือน คาดชงครม.เคาะได้ในเดือนพ.ค.นี้

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการไฮสปีด เชื่อม 3 สนามบินว่า รฟท.เตรียมเสนอร่างแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯ ต่อคณะกรรมการ รฟท.พิจารณาในวันที่ 27 มี.ค.นี้ หากเห็นชอบจะเสนอร่างฯให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 เดือน หรือประมาณเม.ย.นี้ จากนั้นจะเสนอรายงานต่อคณะกรรมการอีอีซีพิจารณาเห็นชอบร่างแก้ไขสัญญาฯ ก่อนเสนอต่อครม. อนุมัติในเดือนพ.ค. และหากครม.เห็นชอบก็จะลงนามแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯ และออกหนังสือให้เริ่มงาน (Notice to Proceed : NTP) กับเอกชนทันที

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า หากลงนามแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯได้ภายในเดือนพ.ค. คาดว่า รฟท.พร้อมออก NTP ให้เอกชนเริ่มงานได้ภายในเดือนมิ.ย.โดยเอกชนจะเริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้าง 2 จุด ที่เป็นงานเร่งด่วนก่อน คือ บริเวณใต้รันเวย์ ที่ 2 สนามบินอู่ตะเภา และบางซื่อ-ดอนเมือง บริเวณที่มีโครงสร้างร่วมกับโครงการรถไฟไทย-จีน (สัญญา 4-1)

ส่วนการก่อสร้างและเปิดเดินรถมีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ทำให้เอกชนจะใช้วิธีการก่อสร้างแบบ Full Span Launching Gantries เป็นหลัก ซึ่งเป็นเทคนิคการสร้างสะพานหรือทางยกระดับที่เร็วที่สุด โดยมีโรงหล่อเซ็กเมนต์รวมประมาณ 3 จุด เช่น ที่บริเวณลาดกระบัง

นอกจากนี้จะดำเนินการการก่อสร้างฐานรากตอม่อรถไฟจากโรงหล่อ เพื่อเป็นเส้นทางส่งต่อชิ้นส่วนเซ็กเมนต์แต่ละช่วงยาวไม่ต่ำกว่า 30 เมตร เพราะขนส่งทางรถยนต์ไม่ได้ ส่วนช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง อาจจะใช้วิธีก่อสร้างทีละช่วงเซ็กเมนต์ที่สั้นกว่า เพื่อให้สามารถขนส่งเซ็กเมนต์ทางรถยนต์ได้

ส่วนความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภานั้น ได้หารือร่วมกับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) ซึ่งเป็นเอกชนคู่สัญญาพัฒนาโครงการฯ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีการส่งมอบพื้นที่ได้ภายในเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ โดยปัจจุบันตามแผนการก่อสร้างท่าอากาศยานอู่ตะเภามีพื้นที่ทับซ้อนบริเวณชั้นล่างของอาคารผู้โดยสารที่เชื่อมต่อกับโครงการไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน นั้น เบื้องต้นได้มีการหารือกับ UTA โดยเอกชนยืนยันขอปรับรายละเอียดเงื่อนไขสัญญา เพื่อให้โครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกสามารถเดินหน้าได้ทันที

ขณะเดียวกันสกพอ.ได้มีการหารือกับ UTA ถึงรายละเอียดการยืนยันสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน เพราะเอกชนมีความพร้อมเตรียมชวนผู้ร่วมลงทุนเข้ามาดำเนินการด้วย ซึ่งจะต้องเสนอต่อกระทรวงการคลังพิจารณา คาดว่า กระบวนการหารือรายละเอียดเหล่านี้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2568 ตามแผนเอกชนจะเริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ภายในปีนี้ ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี ซึ่งจะเปิดให้บริการประมาณปี 2572

ทั้งนี้การปรับเงื่อนไขสัญญาดังกล่าวนั้น ยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้ โดยไม่ต้องแก้ไขสัญญาโครงการสนามบินอู่ตะเภาโดยตัดเงื่อนไขที่เคยระบุต้องรอความชัดเจนไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน จึงจะดำเนินการออกหนังสือให้เอกชนเข้าพื้นที่ (NTP) ออกไป เปลี่ยนเป็นเริ่มก่อสร้างส่วนของอาคารผู้โดยสารทันทีตามแผน ขณะที่พื้นที่ทับซ้อนต้องก่อสร้างอุโมงค์ไฮสปีดฯ โดย รฟท.จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายและดำเนินการไปก่อน

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img