“รทสช.” มีมติเห็นชอบส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ปมอำนาจสภาในการแก้ รธน. ย้ำแก้ รธน.เป็นเรื่องใหญ่ทำประชามติใช้งบ 4,000 ลบ. จึงต้องรอบคอบชัดเจน
วันที่ 14 มี.ค.2568 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงการประชุมร่วมรัฐสภาที่จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 17 มี.ค.2568 นี้ว่า จะมีการพิจารณาใน 2 ญัตติเกี่ยวกับประเด็นอำนาจของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย ญัตติขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ที่เสนอโดยสมาชิกวุฒิสภา และญัตติขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เดิมในเรื่องนี้ ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยที่ 4/2564 ออกมาแล้วว่า การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องมีการทำประชามติให้ได้รับความเห็นชอบจากประชาชนก่อนว่าสมควรให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถ้าประชาชนเห็นสมควร จึงจะสามารถเดินหน้าขอแก้ไขตามมาตรา 256 เพื่อปูทางไปสู่การจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) และการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ในเมื่อขณะนี้เกิดปัญหาขึ้นว่ามีสมาชิกรัฐสภาบางส่วนเห็นต่างว่าสามารถเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญในที่ประชุมสภาได้ทันที โดยไม่ต้องทำประชามติ รับฟังความเห็นจากประชาชนก่อน
“พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้พิจารณาในเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน รอบคอบ เพื่อให้ประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับประเทศชาติและคนไทย จึงมีมติให้เห็นชอบกับทั้ง 2 ญัตติดังกล่าว ในการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความขอบเขตอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะมีการพิจารณาในวันจันทร์นี้ เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย เกิดความกระจ่างชัดเจนและไม่เป็นประเด็นปัญหาในภายหลังที่อาจจะส่งผลเสียต่อประเทศชาติได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งการทำประชามติแต่ละครั้งต้องใช้งบประมาณมากถึง 4,000 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจนและรอบคอบ พรรครวมไทยสร้างชาติ จึงเห็นควรว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวให้เกิดความกระจ่างแจ้งอีกครั้ง” นายอัครเดช กล่าว