เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศุกร์ที่ 14 มี.ค. “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้นิยามตัวเองว่า “ส.ท.ร.-เสือกทุกเรื่อง” ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรก หลังฝ่ายค้านยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี บุตรสาวตัวเอง ตั้งแต่เมื่อ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีชื่อ “ทักษิณ” อยู่ในญัตติ
จนทำให้คาดหมายได้ไม่ยากว่า ศึกซักฟอกที่จะมีขึ้น ไม่แน่เผลอๆ “ทักษิณ” จะโดนฝ่ายค้านรุมยำกลางสภาฯ หนักกว่า “แพทองธาร” เสียอีก
จุดนี้ “ทักษิณ” ย่อมอ่านสถานการณ์ออกว่า “ฝ่ายค้าน” กำลังรอถล่มหนัก เมื่อให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรก “ทักษิณ” เลยแสดงความไม่พอใจพอสมควร
“ถามจริงๆ เพื่ออะไร ผมไม่ได้เป็น สส. ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี จะทำไปเพื่ออะไร หรือจะดิสเครดิต เพื่อวางเผื่อการเลือกตั้งครั้งหน้า เหลืออีก 2 ปี ขอให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งรีบเลือกตั้ง ไม่ต้องหาเสียง ไม่มีปัญหา สบายๆ เห็นนรกสวรรค์มาแล้ว เฉยๆ ไม่มีอะไรตื่นเต้น”

“ทักษิณ” ยังขยายความอีกว่า “พรรคคนรุ่นใหม่ ต้องพยายามทำอะไรให้สร้างสรรค์ ต้องทำอะไรที่ดูแล้วน่าเชื่อถือ อย่าเป็นที่น่ารำคาญ หากทำอะไรที่น่ารำคาญ เดี๋ยวจะเสียไปอีกพรรค ต้องว่าไปตามกติกา จะอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีหรืออะไร ก็ว่ากันไป ไม่เป็นอะไร ผมไม่เกี่ยว การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องธรรมดา การใส่ร้ายป้ายสีก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมี แต่การบรรจุญัตติที่มีชื่อของบุคคลภายนอกนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของประธานสภาฯ ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาล”
และยิ่งน่าสนใจมากขึ้น เมื่อสื่อถามว่า ฝ่ายค้านระบุว่า นายทักษิณเป็น “นั่งร้าน” คอยอยู่ด้านหลังนายกฯ แรงเกินไปหรือไม่ “ทักษิณ” กล่าวตอบว่า “ต้องถามว่า ประเด็นนี้ได้ปรึกษา “ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่” แล้วหรือไม่ เขาได้ปรึกษากันยังว่า จะเล่นประเด็นนี้”
สื่อซักต่อว่า หมายความว่าอย่างไร “ทักษิณ” กล่าวว่า “เอ้า ต้องถามว่านายก อบจ.ลำพูนนั้น มีใครไปช่วยดูแลบ้าง ใจเย็นๆ”
เรียกได้ว่า ทำเอาแวดวงการเมือง มึนงงกันพอสมควร กับการที่ “ทักษิณ” บอกว่า ถ้อยคำในญัตติซักฟอก ที่เขียนชื่อ “ทักษิณ” และใช้คำรุนแรง สส.และแกนนำพรรคประชาชน ได้คุยกับ “ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่” หรือยัง?
ทำเอา “คนการเมือง” คุยกันขรม วิจารณ์กันอื้ออึงว่า “ทักษิณ” ทิ้งไพ่การเมืองอะไรออกมา หวังผลอะไร หรือว่า “หลุด” ตามสไตล์ “คิดไว-ปากไว”
เพราะที่ “ทักษิณ” ระบุถึง “ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่” ที่ก็คือ “พรรคประชาชน” ในวันนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เพราะคงไม่ใช่ “ปิยะบุตร แสงกนกกุล” แน่นอน

ท่าที-คำพูดแบบกำกวมทางการเมืองของ “ทักษิณ” ข้างต้น ไม่เป็นผลดีต่อ “พรรคประชาชน-ธนาธร-ส.ส.ของพรรคประชาชน” แน่นอน เพราะเป็นการพูดที่ทำให้เกิดการตีความการเมืองตามมา…มากมาย
เพราะใครต่อใครก็รู้กันดีว่า ช่วงจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งปี 2566 “ธนาธร” ยอมรับเองว่า บินไปคุยกับ “ทักษิณ” ที่ฮ่องกง เพื่อหารือเรื่องการตั้งรัฐบาลร่วมกัน ระหว่าง พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย แต่พอดีว่าสุด “ดีลไม่สำเร็จ” เพราะพรรคก้าวไกลหาเสียง “สว.” มาโหวตให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกฯไม่ได้ แต่คนก็เชื่อว่า หลังจากนั้น “ทักษิณ” ก็ยังน่าติดต่อพูดคุยกับ “ธนาธร” อยู่
ที่สำคัญ…ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลจนมาถึงพรรคประชาชน ก็โดนสังคมวิจารณ์หนักมาตลอดว่า ทำหน้าที่ฝ่ายค้านแบบป้อแป้ ชกไม่เต็มหมัด ตรวจสอบรัฐบาลเพื่อไทยไม่เข้มข้น ไม่เหมือนยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เรียกได้ว่า มาตรฐานการตรวจสอบตกไปมาก ดีกรีความเข้มข้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะยิ่งเรื่อง “ชั้น 14 รพ.ตำรวจ” จะเห็นว่า ตั้งแต่ยุคพรรคก้าวไกลมาจนถึงพรรคประชาชน “สส.พรรคส้ม” แทบไม่มีแตะเรื่องนี้ จะให้สัมภาษณ์ทักท้วงก็ไม่มี ชนิดว่า สส.พรรคประชาชนตรวจสอบวิจารณ์เรื่องรัฐบาลส่งตัวอุยกูร์กลับจีน ยังร้อนแรงต่อเนื่องกว่าเรื่องชั้น 14 ด้วยซ้ำ
จนลือกันไปว่า หรือเพราะ “สส.พรรคส้ม” ถูก “ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคส้ม” ที่ทุกคนรู้ดีว่า “คือใคร” สั่ง “ติดเบรก” ไว้ไม่ให้พูด ไม่ให้ตรวจสอบเรื่อง “ชั้น 14 รพ.ตำรวจ” เพราะมีการ “ร้องขอ” มา และเพื่อ “รักษาสัมพันธ์อันดี” ระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคประชาชน” จะได้ “จับมือกัน” หลังเลือกตั้งรอบหน้า
เมื่อ “ทักษิณ” ออกมาพูดเรื่องความไม่เหมาะสมของการใส่ชื่อตัวเองในญัตติซักฟอก และการที่ “ฝ่ายค้าน” ใช้คำที่รุนแรงกับ “แพทองธาร” ในญัตติ ด้วยการตั้งคำถามกลับไปว่า “ได้ปรึกษาผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่หรือยัง”
มันเลยยิ่งทำให้เสียงวิจารณ์ “ความสัมพันธ์หลังฉาก” ระหว่าง “ทักษิณ” กับ “ธนาธร” จึงดังขึ้นอีกครั้ง
โดยเฉพาะหลัง “พรรคประชาชน” ยอมตัดชื่อ “ทักษิณ” ออกจากญัตติ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ “แกนนำพรรค” ยืนกรานเสียงแข็ง ว่าไม่ตัดชื่อออกแน่นอน แต่สุดท้ายก็ “ยอม”
อย่างไรก็ดี จะพบว่า การให้สัมภาษณ์ข้างต้นที่โยงไปถึง “ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่” ตัว “ทักษิณ” คงอาจรู้ว่า “เริ่มหลุด” เลยพยายาม “ตัดบท”ในเรื่องนี้
เห็นได้จากเมื่อสื่อซักต่อไปว่า “หมายความว่า มีการพูดคุยกันอยู่แล้วใช่หรือไม่?”
คำตอบของ “ทักษิณ” ก็เลยเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่น “เปล่าๆ ไม่มีใคร แต่คือแบบนี้ สรุปแล้วต้องว่าไปตามกติกา จะอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีหรืออะไรก็ว่ากันไป ไม่เป็นอะไร ผมไม่เกี่ยว”

เรื่องนี้ จะมีอะไรในกอไผ่หรือไม่ คงมีแค่ไม่กี่คนที่รู้ แต่เชื่อว่า “ธนาธร” และ “พรรคประชาชน” คงไม่เอ็นจอย กับท่าทีของ “ทักษิณ” ข้างต้น ที่ทำให้ คนตั้งข้อสงสัยกับ “พรรคประชาชน” ว่า มีอะไรหลังฉากการเมืองที่หลายคนไม่รู้หรือไม่
เป็นอีกหนึ่ง point ทางการเมือง ที่น่าสนใจซึ่งแทรกขึ้นมา ระหว่างการรอผลการหารือระหว่าง “ฝ่ายค้าน” กับ “วิปรัฐบาล” วันที่ 19 มี.ค. เพื่อหาข้อยุติว่า กรอบเวลาการอภิปราย รัฐบาลจะให้ตามที่ฝ่ายค้านต้องการคือ 30 ชั่วโมงหรือไม่ และหาก “ฝ่ายรัฐบาล” ยืนกรานให้ไม่ได้ ให้ได้แค่ 20 ชั่วโมง “ฝ่ายค้าน” จะยอมหรือไม่ ไปรอติดตามกันในวันที่ 19 มี.ค.ต่อไป
……………………………………….
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย “พระจันทร์เสี้ยว”