“อังคณา” เสนอญัตติผลกระทบส่ง “อุยกูร์” กลับจีน ถามตรงๆประเทศได้อะไร ฟาดรบ.โกหกซ้ำซาก แนะปรับปรุงการดูแลผู้ลี้ภัย ทำไทยถูกทำลายความน่าเชื่อถือในเวทีโลก พร้อมจี้รัฐบาลเผยคลิปภาพ-เสียง ตอนพาตัวอุยกูร์ส่งจีน แทนบินไปเยี่ยมที่จีน ด้าน “กมธ.ต่างประเทศ” จ่อบินเยี่ยมอุยกูร์ที่จีน
วันที่ 18 มี.ค.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้พิจารณาญัตติเรื่อง ขอเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาผลกระทบจากกรรณีการสงตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน เสนอโดย นางอังคณา นีละไพจิตร สว.แถลงเหตุผลการเสนอญัตติ ว่า การส่งตัวผู้ลี้ภัยอุยกูร์กลับประเทศจีนโดยไม่สมัครใจมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของไทยฐานะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยหลังจากส่งตัว ประเทศไทยถูกประณามจากมติรัฐสภายุโรป ที่ลงมติประณามไทย 482 เสียง ทำมให้เกิดคำถามและความเสื่อมเสียอย่างยิ่ง นอกจากนั้นแล้วและ รมต.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาตรการงดวีซาเจ้าหน้าที่ไทย เพราะมองว่าการส่งอุยกูร์กลับจีนนั้นอาจทำให้คนเหล่านั้นอาจเป็นเหยื่อของการก่ออาชากรรมต่อมนุษยชาติ
“ขอถามรัฐบาลว่าประเทศไทยได้อะไรบ้างจากการส่งชาวอุยกูร์กลับ แทนที่รัฐบาลจะพูดดความจริง แต่ปกปิดความจริง วันนี้ไม่ว่ารัฐบาลแถลงอะไร จะถูกมองว่าโกหกซ้ำซาก วันหนึ่งบอกว่าไม่ส่งกลับ แต่อีกวันกลับส่งกลับ วันหนึ่งบอกว่าไม่มีประเทศไหนรับ ต่อมามีหลายประเทศเปิดเผยว่ายินดีรับ ซึ่งไทยบอกให้ไปคุยกับจีน วันหนึ่งบอว่ากักตัวมา 11 ปีนั้นละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำไมไม่ใช้ทางเลือกอื่นแทนการกัก ทั้งที่มีเอ็มโอยูไม่กักเด็กที่ติดตามผู้ใหญที่ถูกกักตัวซึ่งไทยได้รับเสียงชื่อชม” นางอังคณา กล่าว
นางอังคณา กล่าวต่อว่า ไทยควรสร้างห้องกักใหม่ เพื่อให้ผู้ลี้ภัยสามารถมีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีมากขึ้น ทั้งนี้ห้องกักในไทย เช่นที่ สวนพลู มีผู้กักตัว 800 คน โดยคนที่ถูกกักตัวนานสุด ตั้งแต่ปี 2002 หรือ 23 ปี เป็นคนแถบแอฟริกา ดังนั้นคนที่เกี่ยวข้องควรตระหนักต่อการส่งชาวอุยกูร์กลับต้นทางที่เสี่ยงจะได้รับอันตราย ถูกบังคับสูญหาย เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงและสร้างภาพลักษณ์ที่มีผลกระทบต่อไทยอย่างร้ายแรง ขอมติส่งข้อเสนอแนะไปยัง ครม. เพื่อปรับปรุง การทำงานของประเทศไทยที่เกี่ยวกับการกักตัวคนต่างด้าวต่อไป
ขณะที่ นายนิรัตน์ อยู่ภักดี สว. อภิปรายว่า ในที่ประชุมกมธ.ต่างประเทศมีมติจะติดตามเรื่องดังกล่าว และจากการหารือ เก็บไว้เป็นปัญหาของประเทศหนึ่ง ส่งกลับเป็นปัญหากับประเทศหนึ่ง ตนเข้าใจวว่าการตัดสินใจของกระทรวงการต่างประเทศ เลือกสถานการณ์ที่เหมาะสมแต่ไม่ได้ให้ข้อเท็จจริง ทั้งนี้ที่มีข้อกังวลต่อการทำความตกลงเอฟทีเอ กับ อียู สถานการ์ปัจจุบัน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศน้อยลง ทำให้กระทรวงต่างประเทศตัดสินใจทำในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ดีกมธ.ต่างประเทศสรุปว่าจะติดตามเรื่องดังกล่าว ขณะนี้ให้รัฐบาลไปก่อน เพราะไม่อยากเห็นรัฐบาลจีนจัดฉาก จากนั้นจะทิ้งช่วงอีกระยะ และทำเรื่องถึงประธานเพื่อทำเรื่องไปเยี่ยมชาวอุยกูร์อีกครั้ง
จากนั้นนางอังคณา กล่าวปิดญัตติ ว่า แทนที่รัฐบาลไทยจะเดินทางไปประเทศจีน ควรเผยแพร่ภาพและเสียงระหว่างที่นำชาวอุยกูร์ออกจากพื้นที่กักตัว และการพาตัวไป หากเขายินยอมและสมัครใจกลับจะทำให้ไทยชี้แจงกับต่างประเทศได้ แต่หากไม่เผยแพร่ภาพและเสียง จะเป็นเรื่องที่ไทยถูกครหา และอาจตั้งข้อกล่าวหาอีกนาน ดังนั้นตนมีข้อเสนอแนะ ประเทศไทยมีการรับประกันว่าไม่ผลักดันชาวอุยกูร์สู่อันตราย กับคนที่ยังอยู่ 5 คนและให้กมธ.ของรัฐสภาตรวจเยี่ยมคนต่างด้าวที่เข้าเมือง ทั้งนี้รัฐบาลต้องคัดกรองระบบคนต่างด้าวที่เข้าเมือง เพราะมีหลากหลาย บางคนเป็นอาชญากร เป็นผู้มีอิทธิพล สร้างความเดือดร้อนและหนีภัยความตาย ดังนั้นการมีระบบคัดกรองทีดี จะแยกคนที่แสวงหาที่พักพิงโดยให้ไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่สาม ซึ่งจะช่วยให้ไทยไม่ต้องมีผู้ลี้ภัย หรือคนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายในห้องกัก
“รัฐบาลควรอนุญาตให้ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เข้าถึงการเยี่ยมอุยกูร์ในไทยและผู้ลี้ภัยชาติต่างๆ เพื่อแสดงความโปร่งใส การที่ไทยจะได้รับการยอมรับต้องแสดงความจริงใจ เชิญผู้รายงานพิเศษสหประชาชาติอย่างเป็นทางการเพื่อดูการกักตัวผู้ลี้ภัย เพื่อให้ข้อเสนอแนะที่ดีต่อการปรับปรุงการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย” นางอังคณา อภิปราย ทั้งนี้นายมงคล ประธานในที่ประชุมว่าข้อเสนอแนะและข้อสังเกตดังกล่าวจะส่งไปยังคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาต่อไป และกรณีดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญและอยู่ในอำนาจของกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค ศึกษาเพิ่มเติม