วันเสาร์, เมษายน 26, 2025
หน้าแรกHighlight‘ลูกชายสันติ’ตั้งโต๊ะแถลงปมตึก‘SKYY9’ แจงซื้อมาขายไปยันไม่เกี่ยวขายให้สปส.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘ลูกชายสันติ’ตั้งโต๊ะแถลงปมตึก‘SKYY9’ แจงซื้อมาขายไปยันไม่เกี่ยวขายให้สปส.

‘ลูกชายสันติ’ ตั้งโต๊ะแถลง ปมตึก SKYY9 ยืนยัน ‘ตระกูลพร้อมพัฒน์’ ไม่เกี่ยวขายตึกให้ สปส. ไล่ไทม์ไลน์เปลี่ยนมือซื้อขาย เริ่มจาก บริษัทซื้อมาเมื่อปี 2560 ในสภาพร้าง-ทรุดโทรม ไม่ขอบอกซื้อมาราคาเท่าไหร่ ก่อนขายต่อให้ บ.เอจีอาอี 101 ราคา 2 พันล้าน ส่วนเปลี่ยนมือซื้อขายให้ใครต่อ ไม่ทราบรายละเอียด ปัดให้ความเห็น ‘ราคาตึก 7 พันล้าน’ เหมาะสม-คุ้มค่าหรือไม่

กรณีที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน และนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ออกมาแฉว่าสำนักงานประกันสังคม (สปส.) มีการเข้าซื้ออาคาร SKYY9 ย่านพระราม 9 ในยุคที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในขณะนั้น ในราคาประมาณ 7 พันล้านบาท แต่ราคาประเมินอยู่ที่ 3 พันล้านบาท ส่งผลให้มีส่วนต่าง 4 พันล้านบาท แถมยังมีหนี้อีก 2,080 ล้านบาท โดยตั้งคำถามว่าเป็นการเอื้อผลประโยชน์พวกพ้องหรือไม่ เพราะถือเป็นการจงใจลงทุนผิดพลาด พร้อมทั้งแฉด้วยว่ามีการแต่งตั้งคนของตัวเองเข้าไปอยู่ในอนุกรรมการการลงทุนเพื่อผลักดันวาระดังกล่าว

กระทั่งในเวลาต่อมา มีข้อมูลรายงานว่า เจ้าของตึกก่อนดีลขายคือลูกนักการเมือง อักษรย่อ “ส” ที่เคยมีตำแหน่งใหญ่

ล่าสุดวันที่ 20 มี.ค.68 ที่ห้องประชุมใหญ่ อาคารรัชดาวัน (Ratchada One) นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ ผู้บริหาร บริษัท วอเตอร์เกทพาวิลเลี่ยน จำกัด แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงประเด็นดังกล่าว

โดยนายพัฒนา เปิดเผยว่า ตึก SKYY9 ชื่อเดิม Cas Capital หรือตึก I.C.E. หลังมีการอ้างว่าเป็นการซื้อจากบริษัทของลูกชายนักการเมืองคนหนึ่ง ซึ่งคนทั่วไปเชื่อมโยงว่าเป็นตนเองนั้น บริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของตึกที่ตนเองบริหารจัดการอยู่ เคยเป็นเจ้าของตึก ICE ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 100,000 ตารางเมตร โดยบริษัท วอเตอร์เกท ซื้อมาตั้งแต่ปี 2560 ขณะนั้นอาคารนี้เป็นอาคารร้างและมีสภาพทรุดโทรม ไม่สามารถใช้ประโยชน์และใช้งานได้ โดยเป็นการลงทุนซื้ออาคารเก่า ซึ่งเป็นห้องชุดโดยซื้อมาจากหลายเจ้าของ

ในระหว่างที่ถือครองอยู่ เคยมีแผนการที่จะปรับปรุงอาคารดังกล่าวเป็นสำนักงานตามเดิมที่อาคารนี้เคยเป็นอยู่ แต่ตลอดระยะเวลาที่ถือครองทรัพย์สินอยู่ ได้มีพรรคพวคที่อยู่ในวงการการเงินและอสังหาริมทรัพย์มาแนะนำให้รู้จักกับผู้สนใจลงทุนหลายราย หนึ่งในนั้นคือผู้ซื้อ คือ บริษัทเอจีอาอี 101

ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นกองทุน PE Fund (กองทุนที่ระดมทุนจากผู้มีเงินหลากหลายราย) ในต่างประเทศ

นานพัฒนา กล่าวต่อว่า ตนเองจบการศึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์โดยตรง มีประสบการณ์ในภาคการเงินและอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว บริษัทจึงได้ทำข้อตกลงการซื้อขายตามสภาพตึกที่เป็นอยู่ในวันที่ 1 พ.ค.62 และทำการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินคือห้องชุดในอาคารทั้งหมด ในราคาประมาณ 2,000 ล้านบาท ในวันที่ 23 ส.ค.62 ให้แก่ บริษัทเอจีอาอี 101 จำกัด

เมื่อบริษัทได้รับชำระเงินแล้วก็โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อไปเรียบร้อยดี โดยผู้ซื้อมิได้กลับมามีนิติสัมพันธ์ใดใด ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดใดกับผู้ซื้อ และไม่ได้ติดต่อกันอีก หลังจากขายไปแล้วก็จบสิ้น ตนเองก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้ซื้ออีกในทุกกรณี ทราบแต่เพียงว่าผู้ซื้อไปประสงค์จะลงทุนปรับปรุงอาคารให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ สามารถประกอบธุรกิจได้ และมีการลงทุนปรับปรุงอีกหลายพันล้านบาท

นายพัฒนา ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ซื้อ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่เคยทราบเรื่องราวว่าอาคารหลังนี้ได้ถูกเปลี่ยนมือมาเป็นของใคร ในราคาเท่าไร และเพิ่งจะทราบเรื่องทั้งหมดพร้อมกับทุกคนว่า สำนักงานประกันสังคมได้ซื้ออาคารหลังนี้ไป ตนเองไม่เคยพบ ไม่เคยเจอ ไม่รู้จักกับผู้ใดในประกันสังคม

รวมถึงกรรมการ หรือผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นใคร ทั้งในสำกนักงานประกันสังคม และกระทรวงแรงงาน

ทั้งนี้ ภายหลังการขายอาคารให้แก่ บริษัทเอจีอาอี 101 จำกัด ตนเองก็มิได้เกี่ยวข้องอีก จึงต้องออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว ที่มีกระแสพูดถึงว่าฃตนเองเป็นผู้ขาย หรือเกี่ยวข้องกับการขายอาคารหลังนี้ให้แก่สำนักงานประกันสังคม ซึ่งไม่เป็นความจริง และการที่ผู้ซื้อไปนำไปพัฒนาให้เกิดความสวยงาม สามารถใช้งานใช้ประโยชน์ได้ และใช้เงินพัฒนาและรีโนเวทไปหลายพันล้านแล้วขายต่อไปนั้น ไม่เกี่ยวกับตนเองโดยสิ้นเชิง จะมีกำไรหรือขาดทุน ตนเองก็มิได้เข้าเกี่ยงแม้แต่น้อย

ขณะเดียวกันในช่วงถามตอบนายพัฒนา ได้กล่าวถึงกระแสข่าวที่ตนเองอาจไปเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตึกให้สำนักงานประกันสังคม โดยระบว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อสองสัปดาห์ก่อน มี สส.เปิดประเด็นเรื่องประกันสังคมขึ้นมา และมีการเชื่อมโยงมาถึงตนเอง จึงต้องออกมาชี้แจงว่าเราไม่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ตัดสินใจลงทุนในตึก SKYY9

เพราะอาคารนี้เป็นอาคารใหญ่ สภาพทรุดโทรมแต่มีพื้นที่ 100,000 กว่าตารางเมตร อยู่ในโลเคชั่นที่ดีน่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนได้ อยู่ในพื้นที่ที่ดีเพียงแต่เก่าและต้องถูกปรับปรุง โดยราคาซื้อขาย ณ ขณะนั้นขอไม่เปิดเผย แต่เราขายให้กับผู้ซื้อประมาณ 2,000 ล้านบาท

นายพัฒนา กล่าวอีกว่าในวันที่ซื้ออาคารนี้มีสภาพ เป็นอาคารที่สร้างเสร็จแล้ว แต่เก่ามาก อุปกรณ์ภายในเสียหาย ทั้งบันไดเลื่อน สายไฟ และระบบ ไม่สามารถใช้งานได้อีก อาคารสร้างถึงชั้นบนสุดเรียบร้อยแล้ว มีประมาณ 37 ชั้น ซึ่งตอนที่ขายให้กับบริษัท เอจีอาอี 101 จำกัด ไม่ได้ปรับปรุงอะไรเพิ่มเติม

ปัจจุบันเห็นว่าอาคารนี้ได้รับการออกแบบสวยและมีคุณภาพ ได้รับรางวัลตั้งอยู่ในทำเลที่ดี แต่การขายต่อให้กับสำนักงานประกันสังคมในมูลค่า 7,000 ล้านบาทนั้น ขอออนุญาตไม่มีความเห็น เพราะไม่ทราบว่าบริษัทดังกล่าวขายให้กับกองทุนประกันสังคมหรือไม่ ทราบมาว่าเป็นอย่างนั้นแต่ไม่ได้เข้าไปตรวจสอบ

ส่วนกระแสข่าวที่มีการวิเคราะห์ว่า การซื้อขายอาคารดังกล่าวอาจจะเป็นการเอื้อประโยชน์ของกลุ่มพรรคการเมืองในสมัยที่รัฐมนตรีท่านหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงมาถึงตนเองนั้น นายพัฒนา ตอบเพียงว่า “ไม่ทราบครับ”

นายพัฒนา ย้ำว่าบริษัท เอจีอาอี 101 จำกัด เป็นเพียงแค่ผู้ซื้อและผู้ขายกับตระกูลพร้อมพัตน์เท่านั้น ไม่มีความสนิทเป็นเครือญาติ โดยการที่ออกมาชี้แจงในวันนี้ เป็นการพูดด้วยตนเอง พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ถือหุ้นในบริษัท เอจีอาอี 101 จำกัด และไม่รู้จักกันมาก่อน

นอกจากนี้ในช่วงที่มีการซื้อขายตึก มีพรรคพวกที่รู้จักกันหลายรายเข้ามาคุย เขาบอกว่าจะซื้อไปทำธุรกิจต่อ เราเห็นว่า บริษัท เอจีอาอี 101 จำกัดมีศักยภาพก็เลยขายไป ประเมินดูแล้วราคาที่ขายไปเป็นราคาที่เหมาะสมกับทรัพย์สินที่ขายไป ส่วนการอัปราคาขายจาก 2,000 ล้านบาท เป็น 7,000 ล้านบาทนั้น การซื้อทรัพย์สินชิ้นหนึ่งมีหลายอย่างต้องพิจารณาและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่การปรับราคาขึ้นสองถึงสามเท่านั้นแม้ตนเองจะทำงานด้านนี้ แต่ก็ไม่ใช่กูรู จึงขอไม่ตอบประเด็นคำถามนี้

นายพัฒนา ย้ำว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายให้กับสำนักงานประกันสังคม ไม่รู้จักไม่มีอะไรใด ๆ เพียงแต่ได้ขายกับบริษัท เอจีอาอี 101 จำกัด เท่านั้นในนามของตระกูลพร้อมพัฒน์ และพร้อมทวีสิทธิ์ ไม่มีใครรู้จักกับบริษัทดังกล่าว ไม่เคยพบใครในสำนักงานประกันสังคม และกระทรวงแรงงาน ไม่เคยโทรศัพท์หา อีกทั้งนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ

รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะบิดาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ รวมถึงธุรกิจอื่นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสำนักงานประกันสังคม และยังไม่ได้คิดที่จะฟ้องกลับใคร โดยข่าวดังกล่าวไม่ได้ส่งผลต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่าง ที่นายพัฒนาแถลงข่าวอยู่นั้น พบว่านายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีต รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นบิดาของนายพัฒนา มานั่งสังเกตการณ์การแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img