แพทย์แนะนำวิธีการเก็บอัฐิหรือเถ้ากระดูกของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ความร้อนทำลายเชื้อไวรัสแล้วก็ตาม การเก็บก็ต้องความระมัดระวัง สวมหน้ากากอนามัยและถุงมือ ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังเสร็จสิ้นกิจพิธี
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 64 นพ.ภาณุวัฒน์ ชุติวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และหัวหน้าศูนย์ประกันสุขภาพ รพ.จุฬาลงกรณ์ อธิบายการเก็บอัฐิหรือเถ้ากระดูกของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ว่า ตามทฤษฎีการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 เกิดจากการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อผ่านทางละอองเสมหะจากการไอ จาม น้ำมูก หรือน้ำลายเท่านั้น
นพ.ภาณุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ที่สนับสนุนการการติดต่อผ่านทางการสัมผัสกับร่างของผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ในทางปฏิบัติแนะนำให้ผู้ที่ต้องปฏิบัติงานหรือต้องสัมผัสกับร่างผู้เสียชีวิต จำเป็นต้องมีกระบวนการป้องกันตามแนวทางมาตรฐานการจัดการศพติดเชื้อโรคโควิด-19 ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัยอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล (PPE) ตลอดจนการบรรจุศพ
สำหรับการเผาศพผู้ป่วยโรคโควิด-19 นั้นความร้อนสูงจากการเผาศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สามารถทำลายเชื้อไวรัสได้ แต่ควรดำเนินการในที่มิดชิด เช่น เตาเผาศพ หลีกเลี่ยงการเผากลางแจ้งที่มีโอกาสเกิดฝุ่นผงหรือขี้เถ้าฟุ้งกระจายออกบริเวณรอบ ๆ ซึ่งเสี่ยงต่อการสูดดมหรือสัมผัสของผู้ปฏิบัติงาน ญาติ หรือผู้ร่วมพิธีทางศาสนาโดยปกติเตาเผาที่ใช้ผาศพจะให้ความร้อนสูงถึง 760-1000 องศาเซลเซียสซึ่งเมื่อร่างผู้เสียชีวิตถูกฌาปนกิจเสร็จสิ้น ผิวหนัง เนื้อเยื่อ และกระดูกส่วนต่าง ๆของร่างกาย จะถูกเผาไหม้และทำลายเหลือเพียงเถ้ากระดูก ตลอดจนเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จะถูกทำลายจนหมด
ส่วนการเก็บอัฐิหรือเถ้ากระดูกของผู้ป่วยโรคโควิด-19 นพ.ภาณุวัฒน์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ญาติและครอบครัวผู้เสียชีวิตสามารถดำเนินการเก็บอัฐิหรือเถ้ากระดูกเพื่อไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีกรรมทางศาสนาต่อได้ แต่อย่างไรก็ตามควรปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง สวมหน้ากากอนามัย ชุดกันเปื้อน และถุงมือทุกครั้งที่ต้องสัมผัสกับอัฐหรือเถ้ากระดูก และต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังเสร็จสิ้นกิจพิธี