ด้วยไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายในยุคนี้ รวมถึงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันของผู้คน ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติของสายตาซึ่งสามารถเกิดได้กับทุกเพศและทุกวัย การแก้ไขปัญหาสายตาที่ดีที่สุดคือการสวมใส่แว่นตา
แว่นท็อปเจริญ ผู้นำธุรกิจแว่นตาและบริการด้านสายตาแบบครบวงจร จึงแนะนำว่า การเลือกแว่นตาก็เหมือนกับการเลือกชุดสูท ที่ตัดแล้วต้องสวมสบาย ใส่พอดี ทั้งยังช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้นด้วย ดังนั้น แว่นตาที่ดี ควรเป็นแว่นที่เหมาะและพอดีกับสายตาของผู้สวมใส่ที่สุด การตัดแว่นสายตานั้น เราจึงควรจะต้องไปตรวจวัดค่าสายตาให้ละเอียดด้วยตัวเอง ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาที่มีความชำนาญและมีเครื่องมือการตรวจวัดที่ทันสมัย และได้เลือกแว่นตาที่มีคุณภาพทั้งเลนส์สายตาและกรอบแว่นตาด้วยตัวเอง
นักทัศนมาตร (หมอสายตา) จากแว่นท็อปเจริญ แนะนำว่า “เลนส์สายตา” ในปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย ขึ้นอยู่กับปัญหาของสายตาและความต้องการของผู้ใช้ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น
1.เลนส์ชั้นเดียว (Single Vision) ที่สามารถรองรับทั้งค่าสายตาสั้น ยาว และเอียง โดยแว่นสายตามองไกลใช้สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ส่วนแว่นมองใกล้ใช้สำหรับอ่านหนังสือ ในปัจจุบันยังมีเลนส์แว่นเทคโนโลยีที่ลดการล้าตา จากบุคคลที่ใช้สายตาหน้าจอคอมพิวเตอร์เกิน 8 ชั่วโมงต่อวันและมีอาการปวดกระบอกตา เช่น เลนส์ Duna Eye Spa ZEN ที่จะทำให้การทำงานช่วง WFH มีความสุขขึ้น
2.เลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive Lens) ที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการการมองเห็นที่ชัดเจนทุกกิจกรรมแบบไร้รอยต่อด้วยแว่นอันเดียว สามารถมองเห็นชัดทั้งระยะใกล้ กลาง ไกล ทำให้การเหลือบหรือกวาดสายตาในแต่ละกิจกรรมเป็นไปได้อย่างง่ายดายและเห็นภาพที่เป็นธรรมชาติ เป็นที่นิยมใช้ในกลุ่มลูกค้าที่มีอายุ 38 ปีขึ้นไป ที่มีปัญหาสายตาทั้งระยะไกล และสายตายาวตามอายุ ที่ต้องการเลนส์สวมใส่แล้วไม่ฟ้องอายุ เสริมบุคลิกให้ดูเป็นหนุ่มสาว
3.เลนส์เฉพาะทาง (Occupational) ที่เหมาะกับการใช้สายตาระยะกลางและใกล้ หรือการใช้งานในที่ร่ม ที่ให้การมองเห็นสบายตาและมุมมองสนามภาพที่กว้างขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานภายในบ้าน หรือสำนักงาน
4.เลนส์มัลติโค้ต (Multicoat) คือเลนส์ที่เคลือบสารลดแสงสะท้อนผิวเลนส์ ทำให้เลนส์ดูใส สว่างขึ้น ช่วยป้องกันรอยขีดข่วน หรือเคลือบสารป้องกันแสงยูวี เหมาะกับคนที่ใส่แว่นตลอดเวลา
5.เลนส์กรองแสงสีฟ้า (Blue Cut Lens) เลนส์ที่ช่วยป้องกันดวงตาจากแสงสีฟ้าที่มีแหล่งกำเนิดมาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
6.เลนส์ออโต้ (Auto Lens) หรือเลนส์ปรับแสง สีเลนส์จะเปลี่ยนไปตามความเข้มของแสงที่ได้รับเมื่อเจอแดดเลนส์จะเปลี่ยนเป็นสีเข้มเพื่อป้องกันดวงตาจากแสง และเมื่ออยู่ในที่ร่มเลนส์จะกลับมาใสปกติ เหมาะกับคนที่ต้องออกกลางแจ้งเป็นประจำ
7.เลนส์กันแดด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเลนส์แว่นอเนกประสงค์ที่สามารถใช้ในร่มและกลางแจ้งได้ในอันเดียว มีคุณสมบัติช่วยลดความจ้า ซึ่งเลนส์กันแดดที่ได้มาตรฐานจะต้องสามารถป้องกันรังสียูวีเอได้อย่างน้อย 95% และยูวีบีได้อย่างน้อย 99%
8.เลนส์สี (Color Lens) เลนส์ที่เคลือบสีต่างๆ ที่ขึ้นอยู่กับการงานของผู้สวมใส่ เช่น สีน้ำตาลเพื่อต้องการให้ลุคดูเบาสบาย หรือสีชมพูเมื่อต้องการลุคที่ดูแฟชั่นขึ้นมาหน่อย
กรอบแว่นสายตา กรอบแว่นที่ดีจะต้องสามารถรองรับตัวเลนส์ได้ดี เข้ากับใบหน้า สวมใส่สบาย เบา กระชับและเหมาะกับการใช้งาน สะพานแว่นที่ไม่กว้างหรือแคบเกินไป ความยาวขาแว่นที่พอดีกับใบหน้าถึงหูเกี่ยว ที่สำคัญคือการวัดหาระยะห่างระหว่างรูม่านตา (PD) ซึ่งต้องทำการวัดหาค่าก่อนที่จะตัดแว่นสายตา นอกจากนี้ผู้ใช้ยังควรเลือกวัสดุที่หลากหลายและมีคุณสมบัติตามผู้ใช้ต้องการ อาทิ กรอบโลหะ สเตนเลส ไททาเนียม พลาสติกอะซิเตท หรือเทอร์โมพลาสติก รวมไปถึงการเลือกรูปทรงและสไตล์ที่เหมาะกับใบหน้า ความหนาของกรอบ สีของกรอบ ที่มีให้เลือกมากมาย ทั้งทรงกลม ทรงสี่เหลี่ยม ทรงหยดน้ำ ทรงแคทอายส์ ฯลฯ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า “การตัดแว่นสายตา” นั้นผู้ใช้จะต้องพิถีพิถันในรายละเอียด ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาที่มีความชำนาญและมีเครื่องมือการตรวจวัดที่ทันสมัย รวมทั้งได้ลองใส่เดิน ลองอ่านหนังสือ หยิบจับสิ่งของ เพื่อให้ได้แว่นตาที่เหมาะสมกับค่าสายตาและการใช้งานของตัวเองมากที่สุด และที่สำคัญ แว่นตาไม่ได้เพียงแค่ช่วยแก้ปัญหาสายตาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น การเลือกแว่นที่เหมาะสมกับใบหน้า ก็จะช่วยเสริมบุคลิกภาพที่ดีให้กับผู้ใส่ด้วย ผู้สวมใส่จึงควรจะต้องไปตัดและทดลองแว่นด้วยตัวเอง พร้อมเข้ารับบริการและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาที่ร้านแว่นตาที่ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย ไว้ใจได้ โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์วิกฤต อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือสม่ำเสมอ และเว้นระยะห่างที่เหมาะสม