“ผู้นำฝ่ายค้านฯ” ฉะ! รัฐบาลรับมือโขกภาษีช้า! แนะทีมเจรจาต้องมีของในมือหวังสร้างอำนาจต่อรองสหรัฐฯ ให้ไทยได้คุ้มเสีย เตือนส่ง “ทักษิณ” ม้าเร็วเจรจาแทน “แพทองธาร” งานเข้าแน่
วันที่ 6 เม.ย.2568 ที่กรุงทาซเคนต์ สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์นายกรัฐมนตรีถึงท่าทีของประเทศไทยกับนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา ว่า เป็นการดำเนินการของรัฐบาลที่ช้า เพราะเพิ่งจะมีการออกมาชี้แจงให้ชัดเจนมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเพียงพอหลังจากที่มีการประกาศมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา ทั้งที่ ก่อนหน้านี้นักวิชาการหลายคน ได้ออกมาคาดการณ์แล้วว่า ประเทศไทยเป็นประเทศกลุ่มเสี่ยงที่จะถูกมาตรการทางภาษี และเห็นการขยับท่าทีของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่แสดงบทบาทประธานอาเซียน 2568 เพื่อใช้กรอบการเจรจาในภูมิภาคอาเซียนในการเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับกลุ่มอาเซียน แต่ไทยก็ยังไม่เห็นบทบาท ทั้งที่เป็นประเทศสำคัญในอาเซียน
เมื่อถามว่าทีมเจรจาที่จะเป็นผู้เดินทางไปเจรจากับสหรัฐอเมริกา ทั้งที่ปรากฏชื่อนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือรวมไปถึงกรณีที่ปรากฏชื่อนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่จะเป็นทีมไปเจรจากับสหรัฐอเมริกา ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า แม้ว่าตัวบุคคลที่จะไปเจรจาจะมีความสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการสร้างอำนาจต่อรองให้ประเทศไทย ก่อนที่จะมีการเจรจาควรจะต้องรู้ตัวเองก่อนว่า มีอำนาจต่อรองใดบ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรี อาจจะยังไม่ได้ออกมาชี้แจงความชัดเจนให้กับสังคมว่า ประเทศไทยมีอำนาจต่อรองประเด็นใดบ้าง มีเพียงความเป็นมิตรภาพระหว่างไทย และสหรัฐฯ แต่ตนก็เห็นว่า สหรัฐฯ รับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศมาโดยตลอดอยู่แล้ว แต่ก็ยังเลือกดำเนินนโยบายนี้ ฉะนั้น ก่อนที่จะมีการเจรจาจึงควรรู้อำนาจต่อรองของตนเองก่อน
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ส่วนที่เสนอให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นม้าเร็วในการเจรจากับสหรัฐอเมริกา เห็นว่า ควรจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือคณะทำงานที่อยู่ในคณะรัฐมนตรีโดยตรง เพราะอยากให้มีนายกรัฐมนตรีตัวจริง ที่ทำหน้าที่ไปเจรจา และไม่อยากให้นายทักษิณ ซึ่งเป็นบิดาของนายกรัฐมนตรีไปเจรจาแทน และหากนายทักษิณ เป็นม้าเร็วเจรจาเองจริง ก็จะยิ่งเกิดผลกระทบต่อนายกรัฐมนตรี ที่จะขาดความน่าเชื่อถือมากขึ้น
เมื่อถามว่าในแถลงการณ์ที่มีการระบุแนวทางการเจรจาเพื่อขอผ่อนปรนอัตราภาษีจากสหรัฐอเมริกา ทั้งก็เพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ และลดเงื่อนไขการนำเข้าต่าง ๆ จะกลายเป็นทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบเพิ่มมากหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตามที่สหรัฐฯ ออกมาตรการออกมาเพื่อไม่ให้สหรัฐอเมริกาเสียเปรียบหากมองในมุมดุลการค้ามีความเป็นไปได้ในการไปเจรจาการค้า เพื่อให้เกิดดุลการค้า โดยที่ประเทศไทยไม่เสียประโยชน์
“ดังนั้น ประเทศไทย จึงต้องมีของในมือ หรืออำนาจต่อรองที่สหรัฐอเมริกาอยากได้ และประเทศไทยจะได้ประโยชน์ที่คุ้มเสีย ซึ่งเชื่อว่า ประชาชน และภาคเอกชนของไทยก็อยากได้ความชัดเจนจากรัฐบาลเช่นเดียวกันว่า ธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมใด จะได้รับผลกระทบบ้าง”นายณัฐพงษ์ กล่าว