ดีเอสไอเผยสเตปพิจารณาคดีพิเศษ “เหล็กไม่ได้มาตรฐาน” หลังกรมโรงงานฯ ขอร่วมสืบสวน บ.ซินเคอฯ ชี้มูลค่าเกิน 10 ล้านเข้าข่ายแย้ม สมอ. ร้องทุกข์ได้หากพบผิดจริง เร่งตามตัว 3 นอมินีไทย บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ หวั่นหลบหนี หากพบเอี่ยวผิดจริง จ่อออกหมายเรียก/หมายจับ
เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 32/2568 กรณีการสอบสวนบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ล่าสุด คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเปิดเผยถึงกรณีที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมขอความอนุเคราะห์ให้ DSI ร่วมสืบสวน บริษัท ซินเคอ หยวน สตีล จำกัด ในประเด็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
คณะพนักงานสอบสวนระบุว่า หากกรมโรงงานฯ มีหนังสือขอความอนุเคราะห์ DSI พร้อมส่งพนักงานสอบสวนร่วมบูรณาการและพิจารณา หากพบพยานหลักฐานว่าวัสดุไม่ได้มาตรฐาน และมีมูลค่าผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีผู้เสียหาย/ผลิตภัณฑ์ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด DSI สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ ซึ่งขณะนี้ สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) กำลังพิจารณาข้อมูล หากพบความผิดจริง สมอ. สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ DSI เพื่อดำเนินคดีได้
สำหรับแนวทางการสอบสวนเรื่องมาตรฐานเหล็กนั้น คณะพนักงานสอบสวนมองว่า อาจแยกเป็นคดีพิเศษอีกสำนวน หรือรวมกับคดีนอมินีก็ได้ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและการบริหารคดี อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ที่จะแยกสำนวนสอบสวนคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ และคดีเหล็กไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากอาจมีกลุ่มผู้กระทำผิดหรือผู้เกี่ยวข้องแตกต่างกัน โดยหากแยกสอบสวนเรื่องเหล็ก DSI จะเน้นตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511
ในส่วนของการติดตามตัว 3 กรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทยใน บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ คือ นายมานัส นายประจวบ และนายโสภณ นั้น DSI ได้สอบสวนญาติของนายประจวบและนายมานัสแล้ว พบว่าเป็นเพียงพนักงานธรรมดาที่มีรายได้น้อย และเชื่อว่าเป็นเพียงนอมินี ขณะนี้ยังคงเร่งติดตามตัวนายโสภณ ซึ่งคาดว่ามีพฤติการณ์หลบหนี เนื่องจากทั้ง 3 คนยังอยู่ในสถานะพยาน การติดตามตัวจึงไม่เข้มข้นเท่าผู้ต้องหา อย่างไรก็ตาม หาก DSI รวบรวมพยานหลักฐานพบว่าบุคคลใดมีส่วนร่วมในการกระทำผิด ก็จะพิจารณาออกหมายเรียกผู้ต้องหา หรือขอศาลออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป
