“หมอเปรม” อ้าง ปชช.ต้องการปรับครม.ด่วน ชี้ช่องเอาพรรคร่วมรบ.ที่มีปัญหาออก-ถอนตัวไปเลย เอาให้ชัดเจนอย่าเล่นละครตบจูบประชาชนเบื่อ แนะ “นายกฯอิ๊งค์” ไม่ต้องเกรงใจพรรคร่วมฯ แนะปรับก่อนงบฯ 69 เข้าสภาฯเลย หวั่นเอาภาษีเป็นเครื่องมือต่อรอง
วันที่ 21 เม.ย.2568 เวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.แถลงเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นต่อการทำงานของรัฐบาลปัจจุบัน ว่า จากการที่ตนได้ลงพื้นที่ในช่วงปิดสมัยประชุมพบว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันคือเวลานี้เกิดความไม่เชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาลและมีสิ่งที่คาใจประชาชนในเรื่องของเสถียรภาพและความเป็นเอกภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะความเป็นผู้นำของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องจากความท้าทายของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีระดับเลขาธิการพรรค การเมืองสำคัญที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ท้าทายว่าจะไม่ร่วมมือในการบริหารประเทศ โดยจะขัดขวางกฎหมายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือกาสิโน รวมถึงกฎหมายอื่นๆที่จะเข้าสู่สภาฯเมื่อเป็นเช่นนี้ เสถียรภาพของรัฐบาลก็เกิดปัญหาอย่างแน่นอน ดังนั้น การสวนทางของพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคแกนนำ จึงทำให้ประชาชนต้องการให้รัฐบาลปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งตรงกับผลสำรวจของบางสำนัก ที่พบว่าเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้ปรับครม.โดยเร็วที่สุดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาลและมีความเอกภาพ รวมถึงการทำงานมีประสิทธิภาพ
“แม้นายกฯจะมีความเกรงใจพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นสมบัติของผู้ดี แต่ความเกรงใจที่มีต่อพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลแต่อย่างใด ที่สำคัญเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดมาตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน จนประชาชนเกิดความเอื้อมระอาในละครตบจูบ จึงขอให้นายกฯมีความชัดเจนว่าจะบริหารประเทศถูลู่ถูกังอย่างนี้ต่อไป หรือจะปรับครม.ให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชน” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า พรรคร่วมรัฐบาลที่ระดับเลขาธิการพรรค ที่อ้างว่าเป็นลูกใครต่อที่ประชุมสภาฯอาจจะเป็นเงาทมึน เพื่อจะข่มขู่นายกฯหรือไม่ ไม่ทราบ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเห็นชัดเจนว่าไม่เกิดบรรยากาศของความร่วมมืออีกต่อไปแล้ว เพื่อความชัดเจนขอให้พรรคร่วมรัฐบาลดังกล่าว ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลจะดีกว่า โดยไม่ต้องกังวลว่ารัฐบาล เมื่อไม่มีพรรคการเมืองบางพรรคแล้วจะอยู่ไม่ได้ และเสถียรภาพของรัฐบาลจะไม่ต้องกังวลของตัวเลขที่ปริ่มน้ำ แต่ขอให้คิดถึงศรัทธาของประชาชนที่ปริ่มน้ำมากกว่า ถ้าเดินไปข้างหน้าเป็นการเมืองแบบละครตบจูบไปเรื่อยๆจะเสื่อมศรัทธาทั้งรัฐบาลและจะทำให้ประชาชนหมดความหวัง
“ถ้ารัฐบาลรีบปรับครม. เพื่อสร้างศรัทธาก็จะสามารถดำเนินการทางการเมืองต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือพรรคร่วมรัฐบาลเห็นว่าไม่สามารถร่วมงานต่อไปได้ ก็ประกาศความชัดเจนถอนตัวออกมา อย่าให้เป็นคนอมโรค ถูลู่ถูกังกันไปอย่างนี้ เพียงเพื่ออยากเป็นรัฐบาลต่อไป โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เพราะศรัทธาของประชาชนจะสามารถค้ำยันให้รัฐบาลให้บริหารต่อไปได้ ไม่ใช่ตัวเลขของสส.อย่างเดียว เดี๋ยวจะพากันไปทั้งรัฐบาล ” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า การปรับครม.ควรจะทำเร็วที่สุด สามารถปรับก่อนเปิดสมัยประชุมสภาฯได้ และควรจะปรับก่อนที่ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 69 เข้าสภาฯเพราะถ้างบประมาณเข้าสภาฯ จะเกิดละครการต่อรองเสียงในการลงมติ เพื่อรับหลักการแรก และนั่นจะเป็นลางหายนะ เพราะเอางบฯของประเทศมาเป็นเครื่องต่อรอง และจะปรับกระทรวงไหนอยู่ที่ดุลยพินิจของนายกฯและแกนนำรัฐบาล เพราะเป็นผู้นำก็ควรแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ
เมื่อถามว่า แกนนำที่ระบุคือพรรคภูมิใจไทยใช่หรือไม่ นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า แกนนำคือพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมคือพรรคภูมิใจไทย ดังนั้น พรรคเพื่อไทยต้องแสดงความเป็นผู้นำด้วยการตัดที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ทำให้เกิดความแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาล คือพรรคร่วมรัฐบาลที่ท้าทายกลางสภาฯ ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง เพราะท้าทายให้เห็นชัดเจนแล้วว่าไม่เอาด้วยแล้ว แล้วยังทนอยู่ไปทำไม ส่วนที่หัวหน้าพรรคที่ท้าทายในสภาฯก็ออกมาบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรนั้น คือละครที่ประชาชนเบื่อหน่ายแล้ว ซึ่งตนเชื่อว่าเขายังมีความขัดแย้งและต่อรอง เล่นละครอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามทำให้การทำงานในสภาฯมีปัญหาเกี่ยวกับการโหวตกฎหมายสำคัญ โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน จะเป็นข้อต่อรองในเรื่องการสมประโยชน์และแลกเปลี่ยนกัน หากเอาเหตุผลอย่างนี้มาใช้กับประเทศเราตลอดเวลาตนเชื่อว่าต่อไปจะเกิดความเสียหาย
เมื่อถามว่า ในส่วนของวุฒิสภาจะมีข้อขัดแย้งหรือไม่ นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าแล้วแต่ที่มาของสว.แต่ละคน ว่ามาอย่างไร แม้พรรคการเมืองจะมีปัญหากัน ในส่วนของสว.ก็อยู่ที่บทบาทว่าเป็นเงาของพรรคการเมืองหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเป็นเงาของพรรคการเมืองจนชัดเจนเกินไป แม้จะบอกว่าไม่ยึดโยงพรรคการเมือง แต่พฤติกรรมที่แสดงออกเหมือนเป็นลูกไล่ของพรรคการเมือง ซึ่งประชาชนมองว่าสว.ควรอยู่ในฐานะที่ทำงานกับทุกฝ่ายได้มากกว่านี้ ถ้าต่อต้านพรรคหนึ่งแล้วเห็นดีกับพรรคหนึ่ง คงจะไม่ใช่สว.
เมื่อถามว่าจากโพลที่สำรวจออกมาการปรับ ครม. ไม่มีกระทรวงของพรรคภูมิใจไทย นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนดู กระทรวงเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่น่าปรับ โดยเฉพาะหัวหน้ากระทรวงทางเศรษฐกิจที่ต้องไปเจรจา ประธานาธิบดีของสหรัฐฯหากไปโดยที่ไม่มีความเชื่อมั่น ในส่วนนี้ก็น่าจะกระทบต่อเรื่องที่ไปเจรจาพอสมควร สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลอาจเห็นว่าสามารถคุมกระทรวงมหาดไทยได้ถือว่ามีหมากที่เหนือกว่าพรรคแกนนำ จึงแสดงอาการแตกแยกกับพรรคแกนนำอยู่โดยตลอด พรรคแกนนำเองก็เหมือนมีอะไรที่ต้องต่อรองอยู่ตลอด
“เอาให้ชัดถ้าพรรคร่วมรัฐบาลบอกว่าจะไม่เห็นชอบกับรัฐบาลอีกต่อไปก็ถอนตัวออกมา เพราะมีคนที่ทำงานได้ในรัฐสภาอยู่ไม่น้อยแม้ว่าจะปริ่มน้ำในคะแนนเสียง แต่สามารถสร้างศรัทธาได้ หากเสียงท่วมท้นสภาฯ แต่เกิดความไม่ชัดเจนเรื่องความร่วมมือปัญหาจะเกิดขึ้นมากกว่า เพราะไม่รู้เมื่อไหร่จะมีการโหวตสวนทางและเกิดปัญหาตบจูบกันอีก ดังนั้น ถ้าพรรคไหนไม่เอาด้วยกับรัฐบาลก็ปรับออก ” นพ.เปรมศักดิ์กล่าว
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวยกตัวอย่างในอดีตว่าเคยมีเสียงของรัฐบาล ที่ไม่ได้เกินกันมากแต่บริหารได้ เพราะมีศรัทธาต่อประชาชนและมีผลงานให้ประชาชนมองว่าพึ่งพาได้ แต่หากเสียงเยอะ แต่เกิดความไม่เชื่อมั่นว่ากฎหมายจะผ่านสภาได้หรือไม่เพราะพรรคร่วมต่อรองด้วยคะแนนเสียงอยู่ตลอด ตนเคยทำงานในสภาผู้แทนราษฎรมาก่อน ก็ไม่เคยเห็นพรรคไหนจะท้าทายซึ่งกันและกันอย่างเปิดเผยขนาดนี้ และยังอยู่ด้วยกันได้ขนาดนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ