“กรณ์” เตือนรัฐบาลอย่ากู้เพิ่มง่ายๆ “ศิริกัญญา” สวนกลับแรง วิกฤตนี้ต้องปฏิรูปใหญ่เท่านั้นถึงจะรอด! เปิดศึกวิวาทะเดือดกลางโซเชียล!
วันที่ 22 เม.ย. 68 นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความเห็นต่อกรณีที่ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน สนับสนุนให้รัฐบาลออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงินเพิ่ม เพื่อแก้ไขวิกฤตจากมาตรการภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า
“คุณศิริกัญญาเห็นด้วยเร็วไปหน่อยไหมครับ? ทุกวันนี้ผมเอาใจช่วยรัฐบาลให้ฝ่าด่านอุปสรรคพิษเศรษฐกิจไปให้ได้ นาทีนี้ผมไม่เลือกข้างใครทั้งสิ้น ดูที่การกระทำอย่างเดียว แล้วก็สะดุดทันทีเมื่อเห็นรัฐบาลบอกว่าเตรียมออก พ.ร.บ. กู้เงิน งบปี ’69 เพิ่งเริ่มพิจารณา งบ ’68 ใช้ไปยังไม่ถึงครึ่งปี แต่รัฐบาลพูดถึงการออก พ.ร.บ. กู้เงินอีกแล้ว? ความจริงคือ รัฐบาลประเมินเศรษฐกิจโตเกินจริงแต่แรก แล้วเสนอแผนการใช้เงินงบประมาณปัจจุบัน 2568 โดยที่มีการขาดดุลมากจนต้องกู้ชดเชยเต็มเพดานตามกฎหมาย แทบไม่เผื่อเหลือเผื่อขาดไว้เลย โดยมีนโยบายแจกเงินที่หลายคนคัดค้านแต่แรก ว่าเป็นการใช้เงินผิดวิธีและผิดเวลา วันนี้รัฐบาลอ้างถึงผลกระทบนโยบายทรัมป์ ส่งผลให้รัฐบาลอาจต้องใช้เงินเพิ่มเติม ซึ่งคงจะให้เหตุผลอธิบายว่า
1. เพื่อสมทบเงินคงคลังเนื่องจากรายได้ภาษีต่ำกว่าเป้า หรือ/และ 2. เพื่อจัดงบประมาณเยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการ ซึ่งสิ่งแรกที่รัฐบาลต้องทำก่อนออก พ.ร.บ. กู้เงิน ควรจะเป็นการเสนอการปรับลดค่าใช้จ่ายในงบประมาณปีปัจจุบัน เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยน เศรษฐกิจไม่ดี รายได้ต่ำกว่าเป้า สิ่งแรกที่ควรทำคือลดค่าใช้จ่าย ไม่ใช่กู้เพิ่ม ความจริงผมจำได้ว่าคุณศิริกัญญาเคยเสนอไว้เองตอนพิจารณางบปี 68 ว่ารัฐบาลควรปรับลดแผนการใช้เงินลง 200,000 ล้านบาท เผื่อว่ารายได้ไม่เข้าเป้า…
นั่นคือก่อนปัญหาเรื่อง tariff ของทรัมป์ด้วยซ้ำ คราวนี้ หากลดค่าใช้จ่ายแล้วยังไม่พอ ถามว่าการออก พ.ร.บ. เป็นวิธีที่ดีที่สุดหรือไม่? การออกกฎหมายในรูป พ.ร.บ. ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3-4 เดือน ดังนั้นกฎหมายนี้จะคลอดออกมาใช้งานเวลาใกล้เคียง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2569 ดังนั้นทำไมไม่บรรจุแผนการใช้เงินใน พ.ร.บ. ’69? ทำไมต้องออก พ.ร.บ. มากู้นอกระบบงบประมาณ? คำอธิบายเดียวคือรัฐบาลต้องการใช้เงินเกินเพดานเงินกู้ตาม พ.ร.บ. หนี้สาธารณะ ซึ่งอันนี้ต้องระมัดระวังอย่างมาก คิดดีๆ อย่ายอมกันง่ายๆ”

ต่อมา นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้เข้ามาตอบโต้ข้อความดังกล่าว โดยระบุว่า
“ถ้าคุณกรณ์จะกรุณาเข้าไปอ่านเนื้อหาในข่าวสักหน่อย ก็คงจะทราบว่าดิฉันเรียกร้องให้รัฐบาลรื้องบปี 69 ก่อนเลยค่ะ เรายอมพิจารณาวาระ 1 ล่าช้าออกไป 1-2 อาทิตย์ ถ้ารัฐบาลจะกลับไปปรับปรุงงบให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป งบปี 68 ใช้มาเกินครึ่งทาง ต่อให้ไม่ทำ Digital Wallet ต่อ ก็คงได้งบกระตุ้นมาเพิ่ม 150,000 ล้านบาท หรือหากจะตัดงบใหม่ตอนนี้ ทำ พ.ร.บ. โอนงบประมาณก็คงได้เพิ่มอีกไม่ถึง 100,000 ล้านบาท หากจะต้องเตรียมการรองรับสงครามการค้าที่จะเกิดขึ้น ไม่ควรจบเพียงแค่การเยียวยา แต่ต้องฟื้นฟู และปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่ไปพร้อมๆ กัน ซึ่งต้องงบประมาณเป็นจำนวนมากกว่าแค่ 2-3 แสนล้านแน่นอน ขนาดตอนวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่ผลกระทบจำกัดกว่าครั้งนี้ รัฐบาลคุณกรณ์ยังใช้ไปเกือบ 400,000 ล้านบาท ตอนแรกขออนุมัติกรอบไว้ 800,000 ล้านด้วยซ้ำไป ถ้าดิฉันเล่นบทฝ่ายค้านตามปกติ ก็คงต้องค้านหัวชนฝาไปแล้วค่ะ แต่เห็นว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ จึงไม่อยากให้รัฐบาลปล่อยโอกาสนี้หลุดมือไป และเปิดทางเลือกให้รัฐบาลทำงานให้ได้มากที่สุดค่ะ แล้วค่อยมาถกกันในรายละเอียดว่าแผนการรับมือสมเหตุสมผลหรือไม่”