‘ศิริกัญญา’จี้รัฐบาลเปิดแผนกู้เงินแก้วิกฤต ‘ภาษีทรัมป์’ ค้านกู้มาแจก ประเมินไร้ทางเลือกต้องพึ่งรัฐบาลเพื่อไทยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เย้ย ‘นายกฯ อิ๊งค์’ไม่กล้ายุบสภาเหตุคะแนนนิยมยังต่ำ
วันที่ 24 เม.ย.2568 เวลา 13.20 น.ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรัฐบาลเตรียมกู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อนำมาสู้กำแพงภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา ว่า จริงๆ รัฐบาลน่าจะยังไม่ได้ระบุแหล่งที่มาของเงิน 5 แสนล้านบาท ที่ชัดเจนว่าจะมาจากการกู้หรือไม่ เพราะหลังจากที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ออกมาพูดเรื่องตัวเลข 5 แสนล้านบาท ที่จะเป็นแพ็กเกจในการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนก็มีความเห็นจากนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ว่าอาจจะมีการใช้เม็ดเงินที่อยูในปีงบประมาณ 2568 ที่เตรียมไว้สำหรับทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1.5 แสนล้านบาทด้วย ซึ่งอาจทำให้หากต้องมีการกู้จริงๆ กู้น้อยลง หรือในความเป็นจริงอาจไม่มีความจำเป็นที่ต้องกู้เลย เพราะเรามีเม็ดเงินเหลือจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอยู่ และหากมีการจัดงบในปี 68 ใหม่อีกสักรอบ ก็อาจจะได้มาสัก 5 หมื่นล้าน-1 แสนล้านบาท แต่งบประมาณก้อนใหญ่ที่จะสามารถจัดใหม่ได้เลยตอนนี้ คืองบประมาณปี 69 และเตรียมเม็ดเงินที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจ ในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอย และชะลอตัว ในช่วงสงครามทางการค้า
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ทั้งนี้หากสามารถจัดใหม่ได้ประมาณ 3 แสนล้านบาท ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการกู้ แต่แม้จะได้ไม่ถึงเราก็ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเอาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 69 กลับไปปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป หากจะต้องเอาเข้าสภาช้าไปอีกสักเล็กน้อย 1-2 สัปดาห์ก็คิดทางสภา ไม่มีปัญหา ที่จะต้องใช้เวลาลดลงในการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ
เมื่อถามว่าจำนวนเงิน 5 แสนล้านบาทที่รัฐบาลจะกู้นั้น สามารถแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ยากที่จะบอก เพราะเขายังไม่ได้ระบุรายละเอียดอะไรเลย ว่าจะไปใช้ทำอะไร ที่ต้องบอกเช่นนี้เพราะเรามีประสบการณ์มาแล้ว หากเลือกวิธีการกระตุ้นผิด ผลก็จะไม่เกิด เช่น กรณีการแจกเงินหมื่นครั้งแรก ที่ใช้เม็ดเงิน 1.45 แสนล้านบาท แต่เราก็ไม่เห็นว่าจะทำให้จีดีพีนั้นโตขึ้น ตามที่รัฐบาลเคยให้สัญญาเอาไว้ ดังนั้นวิธีการจึงสำคัญมากว่า 5 แสนบาทนั้นจะไปทำอะไร ด้วยวิธีการไหน จะกระตุ้นด้วยวิธีการใด ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และรัฐบาลยังบอกด้วยว่าอยากกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับไปเป็นตามเป้า คือ 3 % ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก จากที่ไอเอ็มเอฟประเมินว่าอยู่ที่ 1.8% แล้วจะให้ขึ้นไปเป็น 3% มันต้องใช้เม็ดเงินมากกว่า 5 แสนล้านบาท แต่หากจะประคองไม่ให้ตกมากเกินไปอยู่ที่ 2% นิดๆ ตนคิดว่า 5 แสนล้านบาทนั้นสามารถทำได้แน่นอน
เมื่อถามว่า คนไม่ค่อยเห็นด้วยที่จะกู้มาแจก เราจะเชื่อมือรัฐบาลได้อย่างไรว่าการกู้มาจะมีประสิทธิภาพ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า “เชื่อไม่ได้ เราไม่สามารถที่จะเชื่อใจรัฐบาลได้เลยว่าหากกู้มาแล้วจะไม่นำมาแจกเหมือนเดิมหรือไม่ ต้องใช้พลังจากประชาชนและฝ่ายค้านที่จะกระตุ้นเตือนรัฐบาลว่าก่อนที่จะคิดกู้เงินใหม่หรือขยายเพดานหนี้สาธารณะนั้น ช่วยประกาศแผนที่ชัดเจนกับพวกเราก่อนว่าตอนนี้รัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินในเรื่องใด แล้วจะทำไปใช้อะไรบ้าง หากเป็นเรื่องของการเยียวยาจะเยียวยาใครบ้าง ด้วยวิธีการใดหรือหากเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจะกระตุ้นประเด็นใด จะกระตุ้นการบริโภคหรือการลงทุน และด้วยวิธีการใด สุดท้ายเราเชียร์เต็มที่หากรัฐบาลอยากได้งบประมาณไปใช้ในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งก็อยากได้แผนเช่นเดียวกันว่ารัฐบาลมีแผนในใจอย่างไร ต้องทำเช่นนี้เท่านั้นเราจึงจะไว้วางใจรัฐบาล ให้กู้เงินเพิ่มหรือขยายเพดานหนี้สาธารณะ ”น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการเลื่อนเจรจาภาษีทรัมป์ของรัฐบาล ฝ่ายค้านมีข้อสังเกตอย่างไรบ้าง น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เราได้ติดตามอย่างใกล้ชิดเช่นกัน รวมถึงได้ติดตามความคืบหน้าในการเจรจาของหลายประเทศ แต่เมื่อมาดูของไทยเราก็พบว่ายังมีความสับสนอยู่ตลอดเวลา ในเรื่องของกำหนดการที่จะไปเจรจา แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือการที่นายกฯ และรมว.คลัง ยังพูดขัดกันเอง นายกฯ ระบุว่าที่ต้องเลื่อนเป็นเพราะมีเอกสารข้อมูลบางอย่างที่ต้องเตรียมเพิ่มเติม แต่รมว.คลังบอกว่าเราไม่รีบ เราจะรอเป็นคิวกลางๆ เพื่อที่จะดูการต่อรองของการเจรจาของประเทศอื่นก่อน ซึ่งหากนายกฯ ไม่พูดอะไรก่อนหน้านั้น รมว.คลังพูดคนเดียวเราก็อาจจะเชื่อว่าการเจรจามีการวางยุทธศาสตร์เช่นนั้นจริงๆ และจะเชื่อมากกว่านี้จริงๆ หากรมว.คลังบอกมาเลยว่าจะเจรจาวันไหน อาจจะเป็นเดือน พ.ค. หรือเดือน มิ.ย.ก็ได้แต่ขอให้บอกมาเลยว่ามีการวางแผนไว้แล้วจริงๆ หรือรอดูท่าทีของประเทศอื่นก่อน
“เมื่อนายกฯพูดอย่าง รมว.คลังพูดอย่าง และยังไม่มีการกำหนดแผนที่ชัดเจนออกมา ดิฉันก็มั่นใจแล้วว่าเอาเข้าจริงแล้วรัฐบาลยังไม่ได้มีการคอนเฟิร์มวันนัดกับทางสหรัฐฯ และเมื่อนัดไปแล้วแต่เขายังไม่ตอบรับ เมื่อใกล้วันแล้วจึงจำเป็นที่จะต้องเลื่อนกำหนดการออกไป จนกว่าสหรัฐฯ จะตอบกลับมาอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลสื่อสารกับเราอย่างตรงไปตรงมาว่าจริงๆ แล้วติดปัญหาอะไร ว่าทำไมสหรัฐฯ จึงยังไม่ตอบรับเราเพราะประเทศรอบบ้านเราก็ไปเจรจากันหมดแล้ว ได้คุยหมดแล้ว บางเจ้าก็ได้เจรจาเข้ารอบ 2 ไปแล้ว เราไม่ได้บอกว่าต้องรีบ เรายังเชื่อกลยุทธ์ของรัฐบาล เพียงแค่ต้องทำให้เรามั่นใจว่าอะไรที่ติดขัดจะสามารถแก้ไขได้ และสามารถยืนยันกับเราได้ว่าสรุปแล้วกำหนดการที่แท้จริงควรจะเป็นเมื่อไรกันแน่ สหรัฐฯ มีปัญหาอะไรกับเราหรือไม่ เพื่อทำให้เราสามารถเข้าสู่การเจรจาได้อย่างราบรื่น”น.ส. ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า
เมื่อถามต่อว่ามีนักวิชาการประเมินว่าการที่สหรัฐฯ ไม่ยอมตอบรับเป็นเรื่องปัญหาเกี่ยวกับปัญหาทางการเมืองของ เช่นกรณีการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน หรือการจับกุมนักวิชาการชาวสหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลยังไม่มีการชี้แจงเรื่องนี้อย่างชัดเจน น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ตนคิดว่าสิ่งที่นักวิชาการคาดการณ์ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ที่ทำให้สหรัฐฯ มีท่าทีกับเราเช่นนี้ เพราะอย่าลืมว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็มีผลกระทบต่อด้านเศรษฐกิจได้เช่นกัน เพราะมีรัฐมนตรีของสหรัฐฯ หลายคนแสดงท่าทีไม่พอใจหลังการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน จึงคิดว่านี่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทางสหรัฐฯ ยังไม่เดินหน้าเจรจากับเรา จนกว่าจะได้รับคำอธิบายจากประเทศไทยก่อน
เมื่อถามว่าสังคมจะยังมีความเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอยู่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เมื่อบอกว่ายอมให้รัฐบาลกู้เงิน ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจและความเชื่อมือว่าปล่อยให้รัฐบาลทำแล้วจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อยากได้ ทั้งนี้ได้แต่ปลอบใจตนเองว่าไม่มีทางเลือกมากนัก แม้จะคิดอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น ยุบสภา แต่เชื่อว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ คงไม่ประกาศยุบสภาเร็วๆนี้และไม่ทำแน่นอนเพราะระดับความนิยมยังต่ำ และแม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาลต้องการให้เปลี่ยนตัวนายกฯ แต่คงไม่เกิดขึ้นง่าย ดังนั้นทางเลือกมีน้อย จึงจำเป็นต้องพึ่งพารัฐบาลปัจจุบันให้แก้ปัญหาให้ได้
“พยายามเปิดใจให้กว้าง เปิดทางให้รัฐบาลทำงานได้ และฝ่ายค้านให้ความเห็นที่รัฐบาลสามารถนำไปใช้เพื่อนำประเทศออกจากวิกฤต โดยจะให้ความร่วมมือเต็มที่หากอยากได้ความเห็นหรือความร่วมมือในสภา ฝ่ายค้านพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ ขณะเดียวกันฝ่าค้านจะต้องตรวจสอบเต็มที่เมื่อให้รัฐบาลกู้เงิน ทั้งนี้ต้องให้รัฐบาลนี้ทำงานเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจเรื้อรังที่แก้ไม่ได้ง่าย” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว