วันศุกร์, พฤษภาคม 2, 2025
หน้าแรกHighlight“จตุพร”ชี้นับถอยหลังชะตากรรม“ทักษิณ” บี้“อสส.-ป.ป.ช.”ผู้เสียหายตรง“ฟ้องคดี”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“จตุพร”ชี้นับถอยหลังชะตากรรม“ทักษิณ” บี้“อสส.-ป.ป.ช.”ผู้เสียหายตรง“ฟ้องคดี”

“ตู่-จตุพร” ลั่นนับถอยหลัง! ชะตากรรม “ทักษิณ” หลังศาลรับไต่สวนหนีหมายจำคุก สั่ง “ราชทัณฑ์-รพ.ตำรวจ” ชี้แจงและแสดงหลักฐาน 30 วัน นัดพร้อมหรือไต่สวน 13 มิ.ย.นี้ บี้ “อัยการสูงสุด-ป.ป.ช.” ในฐานะผู้เสียหายตรงยื่นฟ้องตรงอีกทาง

เมื่อค่ำวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการ “ประเทศไทยต้องมาก่อน” ระบุว่า กรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใช้อำนาจไต่สวนการบังคับตามคำพิพากษาที่ไม่เป็นตามหมายจำคุก เมื่อคดีถึงที่สุดจะเป็นจุดเริ่มต้นการนับถอยหลังของ “ทักษิณ ชินวัตร” และรัฐบาล “นายกฯอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” โดยคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ เป็นจุดเริ่มการค้นหาความจริงตามระบบไต่สวนของศาล แม้นายชาญชัยยื่นคำร้องต่อศาล แต่ศาลวินิจฉัยว่า นายชาญชัยไม่มีสิทธิ์ยื่นคำร้อง เพราะไม่ใช่ผู้เสียหายหรือเดือดร้อนจากการบังคับโทษ “ทักษิณ” ก็ตาม ดังนั้น ผู้เสียหายและเดือดร้อนโดยตรง คงเป็น “อัยการสูงสุด” (อสส.) และ “คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ” (ปปช.) ซึ่งเป็นผู้ยื่นฟ้องคดีกับ “ทักษิณ” ตามมาตรา 23 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งคดีอาญานักการเมือง

นายจตุพร กล่าวต่อว่า เมื่อศาลใช้อำนาจไต่สวนหาความจริงแล้ว คำร้องของนายชาญชัยย่อมแสดงถึง “ความปรากฎต่อศาล” ว่า อาจมีการบังคับโทษไม่เป็นไปตามหมายจำคุกหรือไม่ ศาลจึงสำเนาคำร้องให้อัยการสูงสุด และ ป.ป.ช. โดยมีคำสั่งให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นไปตามคำร้องของนายชาญชัยหรือไม่-อย่างไร

นายจตุพร กล่าวว่า ศาลยังสำเนาคำร้องให้ผู้บัญชาการเรือนจำกรุงเทพ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวข้องกับการดำเนินการบังคับโทษทักษิณ ได้เป็นตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลหรือไม่ อย่างไร

“สิ่งสำคัญ ศาลให้เวลา 30 วัน เพื่อแจ้งให้ศาลทราบ พร้อมแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้อง มาประกอบการพิจารณาของศาล และยังกำหนดนัดพร้อมหรือไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ การไต่สวนของศาลอาจเป็นไปได้ว่าจะใช้เวลาวันเดียวหรือหลายวันถึงวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ปรากฎก็ได้ โดยผมมีปราสบการณ์ในเรื่องนี้ เมื่อครั้งอัยการยื่นถอนประกันตัวมาแล้ว”นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ก่อนถึงเวลาศาลนัดพร้อมหรือไต่สวนนั้น เป็นช่วงที่ “แพทยสภา” นัดแถลงผลสอบสวนจริยธรรมแพทย์รักษา “ทักษิณ” ในวันที่ 8 พ.ค.นี้ โดยก่อนหน้านี้ “ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี” ประธานอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา เคยแถลงว่า ผลสอบสวนเสร็จแล้วถึง 99.99% แต่คณะกรรมการแพทยสภา ซึ่งไม่ระบุชื่อ กลับสั่งเลื่อนไปอีก อ้างว่ามีเอกสารจาก รพ.ตำรวจจำนวนมาก จึงต้องใช้เวลาพิจารณา อีกทั้งยังรวมถึงการสอบสวนของ ป.ป.ช. กรณีชั้น 14 ซึ่งมีความคืบหน้ากันมากแล้ว

“ถ้าบ้านเมืองนี้ต้องการปราบคอร์รัปชั่น คนคิดทุจริตจะเกิดความเกรงกลัว ต้องทำให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์และไม่ต้องละเว้นใครเสียก่อน ถ้ามาตรฐานนี้บังคับใช้ไม่ได้ เราจะปราบการทุจริตที่เป็นภัยใหญ่ของประเทศได้ยากลำบากขึ้น สิ่งสำคัญบ้านเมืองนี้กระบวนการยุติธรรมต้องถูกทำลายเพื่อใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่ แต่ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ สภาพของบ้านเมืองจะเดินไปได้ยากมาก”นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร ยังเชื่อว่า ศาลใช้อำนาจไต่สวนหาความจริงเองแล้ว เหตุการณ์นี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เพราะรัฐบาล “นายกฯอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” อยู่ได้เพราะ “ทักษิณ” ค้ำยันไว้ ถ้า “ทักษิณ” มีเหตุอันใดทำให้เป็นไปทางลบแล้ว นายกฯผู้เป็นลูก ย่อมอยู่ยาก

ส่วนกรณีเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ โดยนายกฯอธิบายว่า ประเทศไทยไม่ได้เสียอะไร เพราะต่างชาติเข้ามาลงทุน นายจตุพร กล่าวว่า ในข้อเท็จจริงแล้ว ประเทศไทยมีแต่เสียกับเสีย ส่วนต่างชาติและคนไทยบางคนมีแต่ได้กับได้ สิ่งที่ไทยต้องเสียอย่างชัดเจนคือ เสียพื้นที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยที่สวยงาม ให้ต่างชาติมาลงทุนทำกาสิโนซุกซ่อนรูปในเอนเตอร์เตอร์เมนท์ คอมเพล็กซ์

“นายกฯพยายามอธิบายการใช้พื้นที่กาสิโนเพียง 10% แต่กาสิโนทำรายได้หลักมากถึง 65-90% ของเอนเตอร์เมนท์ คอมเพล็กซ์ ขณะที่การท่าเรือมีรายได้หลักต่อปีประมาณ 7 พันล้านบาท กลับต้องเสียพื้นที่ให้ต่างชาติทำบ่อนกาสิโน”นายจตุพร กล่าวและว่า ส่วนกรณีที่อ้างว่า ศิลปิน หรือนักฟุตบอลต่างประเทศดังๆ ไม่มาไทยเพราะไม่มีศูนย์แสดงดนตรีมาตรฐานหรือนั้น ความจริงนักร้องดัง (เทย์เลอร์ สวิฟต์) ถูกจ้าง 500 ล้านไปแสดงที่สิงคโปร์ และมีเงื่อนไขสัญญาต้องไม่ไปแสดงที่ประเทศใดในเอเซียด้วย ดังนั้นการไม่มาไทย เพราะไม่มีเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ จึงฟังไม่ขึ้น

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า การทำกาสิโนในไทย จะเกิดความเสียหาย และทำให้คนติดการพนันและรัฐต้องเสียค่าบำบัดผู้ติดการพนันมากขึ้น ยิ่งการฟอกเงินที่มีรากฐานจากการทุจริตคอร์รัปชั่นก็จะตามมา อีกอย่างการสร้างงาน 20 ล้านตำแหน่งนั้น เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและตำแหน่่งงานไม่ได้มาจากการสร้างกาสิโนในไทยด้วย เพราะกาสิโนไม่สามารถสร้างงานให้คนไทยได้มากมายอะไรเลย

“นายกฯบอกเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล๊กซ์ ถูกบิดไปเป็นปัญหาการเมืองและกลายเป็นกาสิโน แต่ข้อเท็จจริงนั้นกาสิโนคือรายได้หลัก และการคิดสร้างเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์เป็นข้ออ้างที่จะเอาที่ดินการท่าเรือมาสร้างกาสิโนเท่านั้น”นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

เริ่มแล้ว!!!“RTAF Cyber Operations Contest 2025”

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img