ใบสั่ง“โทนี่ วู้ดซั่ม” ปรับทัพ“เพื่อไทย” ลุ้นดึง“ชัชชาติ”สู้ศึกสนามใหญ่

จัดทัพไปก่อนใครเพื่อน ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยเป้าหมาย “พรรคพลังประชารัฐ” (พปชร.) ภายใต้การนำของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งรับหน้าที่หัวหน้าพรรค และได้ “ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ก้าวขึ้นมารับ “เลขาธิการพรรค” หลังเลือกตั้ง พปชร.ต้องกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

เลยมีคำถามที่หลายคนอยากรู้ “เพื่อไทย” ในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน จะรับมืออย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงของคู่แข่งทางการเมือง ที่มีศักยภาพมากพอสมควร เพราะใครเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า มีสองพรรคการเมืองเท่านั้น คือ “พปชร.” และ “พท.” ที่จะก้าวเข้ามาเป็น แกนนำจัดตั้งรัฐบาล จึงไม่แปลกที่สองพรรคใหญ่ แม้จะนอนคนละเตียง แต่ดูจะฝันในเรื่องเดียวกัน ในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.)  เกี่ยวกับรูปแบบการเลือกตั้ง 

สองพรรคใหญ่ ทั้ง พท.และ พปชร. แม้กระทั่ง “ประชาธิปัตย์” (ปชป.) ก็เห็นด้วย หากแก้ไขรูปแบบการเลือกตั้ง จากใช้บัตรใบเดียวตามรธน. ปี 60 กลับไปใช้ตามรธน.ปี 40 และปี 50 โดยใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ เพิ่มส.ส.เขต เป็น 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน  ขอทิ้ง “พรรคก้าวไกล” (กก.) ให้ตกอยู่ในสภาพผู้ถูกโดดเดี่ยวทางการเมือง

นอกจากการแก้ไขกฎกติกา เพื่อเข้าสู่สนามเลือกตั้ง การจัดโครงสร้างพรรค ผลักดันบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ให้เข้ามสู่สนามเลือกตั้ง อาสารับใช้ประชาชนก็เป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าที่ผ่านมา แกนนำพรรคฝ่ายค้าน จะอาศัยการแสดงความคิดเห็น “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีสองสมัย ผ่านภายใต้ นิคเนม “โทนี่ วู้ดซั่ม” ซึ่งสื่อสารผ่านในโลกโซเชียล และเวทีคลับเฮ้าส์ ออกมาวิจารณ์การทำงานรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ในแง่มุมต่างๆ 

แถมยังมีข้อเสนอแนะในประเด็น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูประเทศ ในช่วงโลกทั้งใบกำลังเผชิญกับ “สงครามโรค” โควิด-19 โดยเครือข่ายที่รับใช้ใกล้ชิดอย่าง “กลุ่มแคร์”์ ซึ่งมี “นายภูมิธรรม เวชยชัย” เป็นแกนนำพยายามสร้างภาพอดีตนายกฯสองสมัย เป็นกูรูด้านเศรษฐกิจ ประสบความสำเร็จจากการใช้นโยบายประชานิยม หวังให้ประชาชนเกิดความรู้สึก และนำผลงานหัวหน้ารัฐบาลคนปัจจุบัน กับอดีตนายกฯที่พ้นวาระไปแล้ว  มาเปรียบเทียบกัน มาช่วยผลักดันให้ “พท.” ให้กลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

แต่การอาศัยภาพลักษณ์ “ทักษิณ” มาหวังดึงคะแนนนิยม สร้างการยอมรับให้เกิดขึ้นกับคนรุ่นใหม่ ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม เนื่องจากสถานะอดีตนายกฯสองสมัย เป็นนักโทษหนีคดี เคยถูก ศาลแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุกเป็นเวลา 2 ปี กรณีจัดซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก และมีอีกหลายคดีที่รอ “ทักษิณ” กลับมาสู้คดี เลยกลายเป็นจุดอ่อนสำคัญ ทำให้ฝ่ายตรงข้าม นำมาเยาะเย้ยถากถาง อยู่เป็นประจำ รวมถึงการสื่อสารผ่านเวทีคลับเฮ้าส์ ยังถูกโต้กลับหลายครั้ง ในประเด็น ใช้ข้อมูลเท็จ มาโจมตีรัฐบาล โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้อง กับการจัดหาวัคซินป้องกันโควิด-19

แต่อดีตนายกฯสองสมัย ก็ยังถือเป็นผู้คุมทิศทางหลัก แกนนำพรรคฝ่ายค้านอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เงินทุนในการหาเสียง การทำกิจกรรมรูปแบบต่างๆของพรรค การชูนโยบายเพื่อให้โดนใจประชาชน รวมถึงการกำหนดบุคคล ที่ต้องรับบท “แม่ทัพ” สู้ศึกเลือกตั้ง ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่กำหนดเวลาที่แน่ชัด แต่ต้องมีความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์

จึงไม่แปลกเมื่อมีข่าว “ทักษิณ” จะทาบทาม “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ซึ่งเคยร่วมกับ พท. ได้รับความไว้วางใจจาก “นายใหญ่” และ “นายหญิง” เคยดำรงตำแหน่งรมว.คมนาคม ในสมัย รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้กลับมาสู้ศึกในสนามใหญ่ หลังแสดงเจตจำนงค์ว่า จะลงชิงชัยในศึกเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเวลามีการทำโพลครั้งใด “ชัชชาติ” จะมีคะแนนนำ เป็นอันดับหนึ่งตลอด จนกลายเป็น “ผู้ว่าฯโพล” ไปแล้ว 

สำคัญที่สุด “โทนี่” เชื่อในความรู้ความสามารถของอดีตรมว.คมนาคม โดยเฉพาะแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ อีกทั้งยังมีสไตล์ที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ น่าจะเป็นจุดแข็ง เมื่อเทียบกับ “นายกฯลุงตู่” หากยังไม่คิดวางมือทางการเมือง อีกทั้งเคยมีข่าวอดีตรมว.คมนาคมได้เข้าไปขอเงินทุนจาก พท. เพื่อหวังนำไปใช้ในการหาชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน เนื่องจากแกนนำพรรคฝ่ายค้านเห็นว่า เมื่อ “ชัชชาติ” อยากเลือกตั้งชิงเก้าอี้ผู้บริหารท้องถิ่น แบบอิสระ ไม่ต้องการสังกัดพรรค ก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง 

กรณีปัจจัยในการเสียงเลือกตั้ง อาจเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่ง “ชัชชาติ” อาจต้องหันมาใคร่ครวญ แม้จะมีคะแนนตามโพลมาเป็นที่หนึ่ง แต่การต้องต่อสู้กับ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. ซึ่งประกาศตัวขอเป็นทางเลือกในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ซึ่งอดีตบิ๊กสีกากีรายนี้ ใครก็รู้ว่ามากด้วยคอนเนคชั่น มีเพื่อนฝูงอยู่ทุกวงการ แกนนำพปชร.ให้การสนับสนุน แม้คะแนนนิยมจะตามหลัง แต่ไม่ได้หมายความ จะไล่ตีตื้นไม่ทัน

ยิ่งมีข่าวหลังการเปลี่ยนแปลงใน “พปชร.” แกนนำในพรรคบางคนไม่พอใจ อย่างเช่น “สมศักดิ์ เทพสุทิน” และ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” อาจนำกลุ่มสามมิตรคืนรังเก่า เพราะการเมืองไทยไม่มิตรแท้และศัตรูถาวร แม้กระทั่ง “ร.อ.ธรรมนัส” ก็เคยทำงานร่วมกับ “ทักษิณ” เมื่อเสร็จศึกการเลือกตั้ง เราอาจได้เห็นสองพรรคใหญ่ “พท.” และ”พปชร.” จับมือกันจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากที่ผ่านมา “อดีตผู้กองคนดัง” ก็ถนัดเล่นบทมือประสานสิบทิศ พูดคุยได้กับทุกพรรคการเมือง 

แกนนำพท. ยังเชื่อว่า พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “ปชป.”และ “ภูมิใจไทย”(ภท.) อาจไม่อยากร่วมงานกับ พปชร.ในอนาคต ถ้ามีข้อเสนอทางการเมืองที่ดีให้ ทั้งโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอ เพราะในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา “ทักษิณ” เคยเสนอตำแหน่งนายกฯให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค ภท. อีกทั้งการเป็นพรรคฝ่ายค้านมา 7 ปี ย่อมทำให้เครือข่ายกลุ่มอำนาจเก่า ต้องดิ้นรนทุกวิถีทาง เพื่อกลับมาเป็นฝ่ายบริหารให้ได้   

ดังนั้นการเสนอทางเลือกให้ “ชัชชาติ” เปลี่ยนใจ จากเล่นการเมืองสนามเล็ก ยอมเข้าสู่สนามใหญ่ อาจไม่ใช้เรื่องยาก ยิ่งถ้าโอกาสเป็นฝ่ายบริหาร แม้ไม่ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ แต่การได้เป็น รัฐมนตรีกระทรวงสำคัญ ก็ถือเป็นความใฝ่ฝันของนักการเมืองเกือบทุคน

หรือ “ชัชชาติ” จะรอวัดฝีมือในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. แต่ถ้าหากเกิดพ่ายแพ้ล้มเหลวไม่เป็นท่า ก็ยังมีสนามใหญ่ไว้เป็นทางเลือก เพราะตามไทม์ไลน์ต้องเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ก่อนเลือกตั้งส.ส. แต่อย่าลืมว่า คนแพ้กับคนชนะมีมูลค่าทางการเมืองแตกต่างกัน  จากนี้ไปต้องรอดูฝีมือและฝีปาก “โทนี่ วู้ดซั่ม” จะควานหาใครเป็นนอมินี รื้อตำนาน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ได้อีกครั้งหรือ

…………………………………………..
คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก
โดย “แมวสีขาว”