นายกฯ นั่งหัวโต๊ะถกทีมเศรษฐกิจชุดใหญ่! สุดท้าย “พิชัย” ยอมรับ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ต้องชะลอไปก่อน! เผย ครม. เร่งทบทวนงบกระตุ้น 1.57 แสนล้าน เน้นแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน น้ำ คมนาคม ท่องเที่ยว และจ้างงาน SME เป็นหลัก ย้ำ! งบมี แต่สถานการณ์เปลี่ยนต้องปรับแผน!
ทำเนียบรัฐบาล 19 พ.ค. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปลัดกระทรวง และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ต่อมาในเวลา 16.08 น. ภายหลังการประชุมที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวด้วยรอยยิ้ม ยอมรับว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจำเป็นต้องมีการทบทวน โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ให้รายละเอียดในลำดับต่อไป
จากนั้นในเวลา 16.20 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 ว่า รัฐบาลจำเป็นต้องทบทวนงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 1.57 แสนล้านบาท โดยจะพิจารณาแก้ไขปัญหาที่เห็นได้อย่างชัดเจนเป็นลำดับแรก
นายพิชัย กล่าวว่า ทั้งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย ต่างต้องการให้มีการทบทวนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งในการประชุมวันนี้จึงได้มีการหารือถึงแนวทางการทบทวน โดยรัฐบาลจะนำงบประมาณดังกล่าวไปแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญ เช่น เรื่องน้ำอุปโภคบริโภคและการเกษตร
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องระบบคมนาคมขนส่ง ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ถนนต่างๆ รวมถึงภาคการท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลจะพิจารณาถึงปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข โดยสิ่งต่างๆ เหล่านี้อยู่ในแผนการดำเนินงานอยู่แล้ว แต่จะมีการหยิบยกประเด็นเร่งด่วนขึ้นมาพิจารณาก่อน รวมถึงปัญหาเฉพาะหน้าของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยจะทบทวนโครงการที่สามารถสร้างงานได้โดยรวม โดยเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการจ้างงาน ซึ่งในการประชุมวันนี้ คณะกรรมการฯ ได้อนุมัติกรอบการดำเนินงานไว้แล้ว โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการและแผนงาน รวมถึงคณะกรรมการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณด้วย
เมื่อถูกถามถึงความเร่งด่วนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นายพิชัย กล่าวย้ำว่า รัฐบาลขอชะลอโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะมีความเหมาะสม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงปัจจัยที่ทำให้ต้องชะลอโครงการ ซึ่งรวมถึงประเด็นเรื่องงบประมาณไม่เพียงพอ นายพิชัย ยืนยันว่า ไม่ใช่ประเด็นเรื่องงบประมาณ เพราะงบประมาณมีอยู่แล้ว แต่เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงและมีข้อจำกัดมากขึ้น จึงจำเป็นต้องปรับแผนการใช้เงิน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการขาดแคลนงบประมาณ
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าเป็นเพียงการซื้อเวลาหรือไม่ ทำไมจึงไม่ประกาศยกเลิกโครงการไปเลย นายพิชัย กล่าวว่า ไม่ถือว่าเป็นการซื้อเวลา หากสถานการณ์เอื้ออำนวย รัฐบาลก็สามารถนำโครงการนี้กลับมาพิจารณาใหม่ได้ เพราะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง แต่ในวันนี้ รัฐบาลต้องการให้เกิดการจ้างงานเป็นลำดับแรก จึงต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของสถานการณ์