วันพุธ, พฤษภาคม 21, 2025
หน้าแรกHighlight“นายกฯอิ๊งค์”ปรับแผนใช้งบ1.57แสนล. ชะลอเงินหมื่น-มุ่ง‘โครงสร้างพื้นฐาน-คน’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“นายกฯอิ๊งค์”ปรับแผนใช้งบ1.57แสนล. ชะลอเงินหมื่น-มุ่ง‘โครงสร้างพื้นฐาน-คน’

นายกฯ  แถลง ครม. ทบทวนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน ปรับไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน-พัฒนาคนระยะยาว หลัง ธปท.-สศช. แนะรับมือเศรษฐกิจโลกผันผวน ยันงบฯ 69 วงเงิน 3.7 ล้านล้าน พร้อมเข้าสภาฯ 28-30 พ.ค.นี้ แจงดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 ชะลอ เหตุสถานการณ์เปลี่ยน ต้องจัดลำดับความสำคัญใหม่

เมื่อวันที่ 20 พ.ค.68 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบในการทบทวนแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในกรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ตามมติคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม โดยจะมีการปรับเปลี่ยนการใช้จ่ายงบประมาณปี 2568 งบกลาง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งมีการรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ขอให้รัฐบาลทบทวนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลก

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งปรับนโยบายเศรษฐกิจที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน เพื่อสร้างรากฐานการเติบโตในระยะยาวและพัฒนาเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีการปรับแผนและนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาว

นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว พร้อมเอกสารประกอบงบประมาณรวม 39 เล่ม และจะเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาวาระ 1 ในวันที่ 28-30 พฤษภาคม โดยร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวกำหนดให้ตั้งงบประมาณปี 2569 จำนวนไม่เกิน 3.7 ล้านล้านบาท

เมื่อถูกถามถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 1 และ 2 ที่ผ่านมาว่าสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ และเฟสที่ 3 ที่มีการชะลอออกไปเป็นเพราะไม่มีเงินหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป้าหมายของการทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจคือการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ซึ่งในรอบแรกและรอบที่สองได้ดำเนินการกระตุ้นในกลุ่มเปราะบางและผู้สูงอายุไปแล้ว แต่เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเรื่องกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ทำให้ต้องพิจารณาทบทวนข้อเสนอจาก ธปท. และ สศช. ว่าเงินก้อนนี้จะสามารถนำไปใช้ในสิ่งที่จำเป็นและเร่งด่วนกว่าการแจกเงินดิจิทัลได้อย่างไร โดยจะเปลี่ยนรูปแบบการกระตุ้นไปลงทุนในสิ่งที่เรียงลำดับความสำคัญและจะเกิดผลต่อประเทศมากที่สุดในขณะนี้

เมื่อถูกถามย้ำถึงคำว่า “ชะลอ” โครงการดิจิทัลวอลเล็ต นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าปัญหาที่เข้ามาแทรกซ้อนนั้นเป็นสิ่งที่ประเทศไทยไม่อยากเผชิญ ดังนั้น การทบทวนของคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ มองว่าการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตอาจไม่ใช่ตัวกระตุ้นที่ดีที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน จึงต้องรับฟังและพิจารณาว่าตัวกระตุ้นใดจะเหมาะสมกับประเทศมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีประเด็นเรื่องกำแพงภาษีเข้ามา

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยในอนาคต หากสัญญาอะไรไปแล้วไม่เป็นตามนั้น จะกระทบต่อคะแนนเสียงหรือไม่ ว่า พรรคเพื่อไทยประเมินสถานการณ์ว่าสามารถทำตามสัญญาได้จริง แต่ไม่มีใครคาดการณ์ถึงเรื่องกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสถานการณ์สุดวิสัย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้ยกเลิกโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่กำลังพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม โดยเงินก้อนที่จะนำมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งประเทศในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำอุปโภคบริโภค การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการก่อนการแจกเงินดิจิทัล

ส่วนข้อกังวลว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจะสามารถรับมือกับกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ได้อย่างไร นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาทนี้ เป็นงบกลางที่จะต้องใช้ให้หมดภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ ซึ่งไม่ได้อยู่ในส่วนที่จะนำไปจัดการเรื่องกำแพงภาษีโดยตรง โดยประเด็นเรื่องกำแพงภาษีนั้นอยู่ในส่วนของนโยบายที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนและเจรจากับทางสหรัฐฯ ส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้รับมือกับกำแพงภาษีนั้น จะมาจากเงินกู้ 5 แสนล้านบาทอีกส่วนหนึ่ง

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีนักธุรกิจใหญ่เข้าพบนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า เนื่องจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้เดินทางไปด้วย จึงไม่ทราบว่ามีการพูดคุยในประเด็นใด แต่การเดินทางไปของนักธุรกิจดังกล่าวไม่ได้มีการประสานงานกับรัฐบาล

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการบริหารของกัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ ได้รายงานเรื่องใดให้นายกรัฐมนตรีทราบหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มี และไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่ทราบว่านายสารัชถ์ได้พูดคุยทักทายกับนายกรัฐมนตรีกาตาร์เท่านั้น พร้อมทั้งกล่าวว่า หากนักธุรกิจรายใดก็ตามสามารถให้ความช่วยเหลือรัฐบาลได้ ก็ควรที่จะร่วมมือกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นนักธุรกิจรายใหญ่เท่านั้น

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img