“เทพไท” ชี้พรรคภูมิใจไทยกำลังตกเป็นเป้าหลักในคดีฮั้ว ส.ว. หลัง กกต. และดีเอสไอ เดินหน้าสอบเข้ม เรียกบุคคลในเครือข่ายเข้าชี้แจงต่อเนื่อง!
เมื่อวันที่ 21 พ.ค.นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.ประชาธิปัตย์ ว่า คดีฮั้วส.ว.
ภูมิใจไทย เสี่ยงอันตราย?
ถ้าพูดถึงคดีฮั้วส.ว. ซึ่งกำลังเป็นประเด็นทางการเมืองอยู่ในขณะนี้ ต้องยอมรับว่าพรรคภูมิใจไทยกำลังตกเป็นหมู่บ้านกระสุนตก ถนนทุกสายที่เกี่ยวข้องกับคดีฮั้วส.ว. จะพุ่งเป้ามาที่พรรคภูมิใจไทย จากกรณีที่กกต.และดีเอสไอได้ออกหมายเรียกส.ว. กลุ่มหนึ่ง ที่เรียกว่าส.ว.สายสีน้ำเงิน เข้าชี้แจงข้อกล่าวหาเป็นล็อตๆ รอบแรก 22 คน รอบที่สอง 22 คน และรอบที่สาม 11 คน จนล่าสุดมีการออกหมายเรียกไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทยอีก 10 คน ซึ่งเป็นทั้งรัฐมนตรีในปัจจุบัน อดีตรัฐมนตรี นายกอบจ.นครศรีธรรมราช ส.ว.ที่เคยเป็นผู้สมัครส.ส.ในนามพรรคภูมิใจไทย และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับส.ว. ชุดนี้ ซึ่งทั้งหมดเป็นคนในเครือข่ายพรรคภูมิใจไทยทั้งสิ้น
จะเห็นได้ว่ากระบวนการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงคดีฮััวส.ว. กำลังคืบคลานเข้ามาถึงพรรคภูมิใจไทยอย่างปฎิเสธไม่ได้ จนต้องนำประกาศของพรรค ที่ลงนามโดยินายอนุทิน ชาญวีรกุลหัวหน้าพรรค ห้ามไม่ให้ ส.ส. รัฐมนตรี กรรมการบริหารพรรค เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ว. มาเป็นเกราะป้องกันข้อกล่าวหาว่า พรรคภูมิใจไทยรู้เห็นเป็นใจให้สมาชิกพรรคไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ว. การนำประกาศของพรรคขึ้นมา ก็เพื่อแสดงเจตนาให้เห็นว่าพรรคไม่ได้ยุ่งเกี่ยว แต่ถ้าหากในข้อเท็จจริง มีพยานหลักฐานที่กกต.และดีเอสไอนำสืบไปถึงพรรคภูมิใจไทย ก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการไปตามกฏหมายต่อไป
ในขณะเดียวกันยังมีนายณฐพร โตประยูร ได้เคลื่อนไหวยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคภูมิใจไทย โดยอ้างเรื่องพยานหลักฐานมีครบ ซึ่งนายอนุทินเคยแสดงความเห็นไปว่า ไม่สนใจ ไม่ให้ราคาแล้ว จนล่าสุดนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัครส.ว.ยื่นต่อกกต.เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคภูมิใจไทย โดยอ้างว่า มีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรค และนายไชยนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จนพรรคภูมิใจไทยประกาศฟ้องดำเนินคดีนางกุสุมาลวตี มีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการฟ้องเพื่อปิดปากทางการเมือง หรือฟ้องเพราะถูกใส่ร้ายจริงๆกันแน่
ซึ่งเป็นสิทธิ์ของพรรคภูมิใจไทย ที่จะฟ้องกลับเพื่อปกป้องตัวเอง ในขณะเดียวกันนางกุสุมาลวตี ก็สามารถนำเอาพยานหลักฐานมาพิสูจน์ความจริงกัน เพราะถ้าเป็นข้อเท็จจริง และมีพยานหลักฐานชัดเจนพรรคภูมิใจไทยก็อาจจะถูกยุบพรรคได้ ซึ่งทั้งหมดก็ต้องไปพิสูจน์ที่ศาล
สำหรับปรากฏการณ์คดีฮั้วส.ว.ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ น่าจะมีอยู่3ปรากฏการณ์ชัดๆคือ
1.ประชาชนทั้งประเทศส่วนใหญ่เชื่อว่า การเลือกตั้งส.ว.ที่ผ่านมามีการฮั้ว บล็อกโหวตกัน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
2.กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เดินหน้าเจาะหาข้อมูล พยานหลักฐาน ซึ่งมีทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร เส้นทางการเงิน สถานที่ ข้อมูลการคุยโทรศัพท์ ยิ่งคุ้ยยิ่งเจอ ยิ่งค้นยิ่งพบ ซึ่งอาจลุกลามไปถึงกับพรรคภูมิใจไทยได้
3.คดีฮั้วส.ว.เป็นความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย ฟาดฟันทางการเมือง จนในที่สุด ต้องเจรจาสงบศึก ฮั้วประโยชน์ทางการเมืองกันลงตัว
ถ้าหากว่าเป็นกระแสสังคมเชื่อว่า ส.ว.ชุดนี้ได้มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่โปร่งใส ก็ควรจะยกเลิกทั้งชุดเพื่อเลือกตั้งใหม่ แต่ถ้าฮั้วประโยชน์กันได้ อาจมีส.ว.กลุ่มหนึ่งประเภทปลาซิวปลาสร้อยสังเวยคดีนี้ เพื่อไม่ให้สังคมกล่าวหาว่า เป็นมวยล้มต้มคนดู