‘ปชน.’ จี้ ‘นายกฯ’ เปลี่ยนมติ ‘กพช.’ ยกเลิกไม่ใช่แค่ชะลอ ปม ‘ค่าไฟแพง’ หลังเฟสแรกยังเหลืออีก 978.2 เมกะวัตต์ ที่ยังไม่ลงนามสัญญา ซัด ‘พีระพันธุ์’ โกหกกลางสภาฯให้ข้อมูลไม่ตรงกับที่ ‘หน่วยงาน’ แจง ชี้ เกี่ยวโยงความโปร่งใส่ในกระบวนการคัดเลือกผู้ชนะ-ถือว่าละเลยหน้าที่
วันที่ 22 พ.ค.2568 เวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงว่า ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ ที่ผ่านมา ตนได้ตั้งกระทู้ถามสดนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.พลังงาน กรณีรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเฟส 1 จำนวน 5,200 เมกะวัตต์ยังไม่ได้มีการชะลอ โดยนายพีระพันธุ์ได้อ้างว่าไม่สามารถยกเลิกได้ เนื่องจากกฤษฎีกากังวลว่ามีบางโครงการได้ลงนามซื้อขายไปแล้ว หากยกเลิกกลางครันจะทำให้มีปัญหาตามมาทีหลัง แต่ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการพลังงานเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ทางตัวแทนกฤษฎีกายืนยันยันว่านายพีระพันธุ์ไม่เคยมีหนังสือถามกฤษฎีกาเรื่องการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเฟส 1 มาแม้แต่ครั้งเดียว มีเพียงแค่สอบถามถึงเรื่องอำนาจของตัวเองในการสั่งชะลอการรับซื้อไฟฟ้าเฟส 2 จำนวน 3,600 เมกะวัตต์ เท่านั้น หมายความว่านายพีระพันธุ์ตอบกระทู้สดในสภาไม่ตรงกับความจริงที่เกิดขึ้น
“หากข้อชี้แจงของกฤษฎีกาถูกต้อง แสดงว่ารัฐมนตรีให้ข้อมูลกับสภาไม่ตรงข้อเท็จจริง จะทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าการให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเช่นนี้ จะเป็นการละลายต่อการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้โครงการรับซื้อไฟฟ้า 5,200 เมกะวัตต์เกิดขึ้นต่อไปใช่หรือไม่ ดังนั้นเราคงต้องออกมาเรียกร้องให้ท่านชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้และใช้อำนาจที่ตัวเองมี ในฐานะนั่งอยู่ในคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) สั่งชะลอหรือยกเลิศเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน”นายศุภโชติกล่าว
ด้านนายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวว่า นอกจากนี้ในที่ประชุมหน่วยงานอื่นยังชี้แจงว่า ยังมีโครงการโรงงานไฟฟ้าที่ยังไม่มีการลงนามซื้อขายไฟฟ้าอีกกว่า 900 เมกะวัตต์ หมายความว่ารัฐบาลยังสามารถยกเลิกหรือสั่งชะลอการลงนามเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนได้มากที่สุดไป แต่ต้องมีการเปลี่ยนมติ กพช. จึงขอให้ประชาชนตั้งคำถามไปยัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ว่าเรื่องนี้ควรจะยกเลิกเพื่อไม่ให้ประชาชนแบกรับค่าไฟแพงขึ้น และที่อ้างว่ากฎหมายไม่สามารถยกเลิกได้ ความจริงระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าระบุชัดว่า กพช. สามารถสงวนสิทธิ์ที่จะยกเลิกโครงการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนได้ ถ้ามีการยกเลิกมติดังกล่าว ซึ่งเหมือนกรณีการชะลอรับซื้อเฟส 2 เพราะใช้ระเบียบรับซื้อเดียวกัน ไม่ได้มีการประมูลและเป็นการซื้อในอนาคตที่จะเกิดขึ้น 1-5 ปีข้างหน้าในราคาเท่าเดิม
“หากมีการประมูลค่าไฟควรจะลดลงทุกปีจากต้นทุนไฟฟ้าหมุนเวียนที่มันลดลงอยู่แล้ว ส่วนมติ กพช.ล่าสุดที่ระบุว่าการชะลอรับซื้อเฟส 2 อาจจะมีการกลับมาลงนามสัญญาได้ ถ้ามีการเจรจาให้ลดค่าไฟ ยืนยันว่าหากยึดตามค่าไฟของประชาชนเป็นหลักควรต้องยกเลิก ไม่ใช่แค่ชะลอหรือแค่เจรจา เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร เนื่องจกาขณะนี้เรามีไฟฟ้าที่ล้นเกินอยู่แล้ว การรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมยิ่งทำให้ค่าไฟของประชาชนแพงขึ้น ส่วนที่อ้างว่าต้องการเพิ่มพลังงานสะอาดหรือพลังงานหมุนเวียนตามที่เอกชนต้องการนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะเอกชนกำลังรอนโยบาย การซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ที่รัฐบาลอนุมัติไปแล้วและจะครบ 1 ปีในเดือนหน้า ในการเดินหน้าเพื่อซื้อขายพลังงานหมุนเวียนได้โดยตรงจากผู้ขายเอง ไม่ต้องซื้อต่อจากการไฟฟ้าเท่านั้น”นายวรภพ กล่าว