”จตุพร”เชื่ออุ๊งอิ๊ง รับมือไม่ไหว รัฐบาลส่อแตกหัก อำนาจชักใยเบื้องหลังจ้องขย่มปมร้าวหนักขึ้น แว่วข่าวก่อน 13 มิ.ย. เขี่ยทิ้งภูมิใจไทย ดิ้นตั้ง รบ.ใหม่สักพักหลัง 13 มิ.ย. หากไปไม่ไหว รอจังหวะสอง “ยุบสภา” จับตาขวากหนามเชือดเพื่อไทย ทั้งปัญหา ม.144 และคดีครอบงำพรรค
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อนว่า ขณะนี้ประเทศไทยและรัฐบาลข้ามขั้วกำลังเผชิญกับแรงกดดันรอบด้านทั้งปัญหาภายในและนอกประเทศจนนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ยากจะรับมือไหว
ส่วนทักษิณ ชินวัตร กำลังฝ่าอุปสรรคขวากหนามและสุ่มเสี่ยงจะถูกนำตัวกลับไปติดคุก ยิ่งทำตัวเงียบหาย จนเกิดข่าวลือหนาหูว่าหนีออกจากประเทศไทยเพื่อหลบเลี่ยงไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งนัดพร้อมหรือไต่สวนการละเมิดหมายจำคุกหรือไม่ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้
“สิ่งที่น่าสังเกตคือ ก่อนถึงวันที่ 13 มิ.ย.ที่ศาลฎีกาฯ นัดนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาล เพราะมีข่าวแว่วเริ่มถี่ขึ้นว่า ก่อน 13 มิ.ย.นี้จะมีการปรับ ครม. โดยเอาพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาล ซึ่งไม่สนใจว่า รัฐบาลตั้งใหม่จะมีเสียงเท่าไร”นายจตุพร กล่าวและย้ำว่า จากนั้นให้จับตาดูหลัง 13 มิ.ย. ถ้าเห็นว่ารัฐบาลไปไม่รอดจะตัดสินใจยุบสภา เพราะการประกาศศึกกับ “พลเอก ส.” ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่สงครามยิ่งดูเหมือนพร้อมจะแตกหักกันแล้ว
อีกทั้งกล่าวว่า รัฐบาลกล้าตัดพรรคภูมิใจไทยออกนั้น สะท้อนถึงเสถียรภาพรัฐบาลกำลังจบลงจึงต้องทำอะไรสนองความสะใจส่วนตัวของคนชักใยอยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้วันที่ 13 มิ.ย. นี้ แม้ตนเชื่อว่า ทักษิณจะไม่ไปศาลฎีกาฯ แต่ตนอยากให้ไป และอยากหน้าแตกกับการคาดการณ์ผิด
“ผมไม่อยากให้ทักษิณ หนีอีกรอบ แม้ผมเชื่อว่าทักษิณหนี และยังเชื่อว่าทักษิณไม่ไปศาลฎีกาฯ ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ แต่ให้จับตาดูว่า ข่าวยุบพรรคเพื่อไทยในคดีถูกครอบงำที่อยู่ในขั้นการสอบสวนของ กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) จะมาก่อนหรือไม่ อีกไม่นานถัดจากนี้คงได้รู้กัน”
นายจตุพร ย้ำว่า หากสถานการณ์ก่อนถึงวันที่ 13 มิ.ย.นี้มีปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลกันมาก ขอให้จับตาดูการยื่นคำร้องกล่าวหารัฐบาลฝ่าฝืน รธน.มาตรา 144 ที่อยู่ในขั้นการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ซึ่งจะกวาดพรรคฝ่ายรัฐบาลแทบหมดสิ้นในคราวเดียวกัน ดังนั้น ให้ดูปรากฎเหล่านี้ไว้ เพราจะเกิดแรงเหวี่ยงในทางการเมือง
อีกทั้งกล่าวว่า บางพรรคความพยายามจะดึงหรือดูดงูเห่ามาร่วมกับฝ่ายรัฐบาลนั้น สถานการณ์ขณะนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว จากเคยมั่นใจจะได้ สส. ฝ่ายค้านมาร่วม แต่ขณะนี้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากความบาดหมางของพรรครัฐบาล และอุปสรรคขวากหนามมีมากมายหลายชั้นจนยากและเกินมือของนายกฯ อุ๊งอิ๊งจะเอาอยู่เสียอีก ย่อมทำให้ สส.จะถูกดูดเกิดลังเล
ส่วนศาลปกครองสูงสุดสั่งให้อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้เงินจำนำข้าว 10,000 ล้านบาทเศษน้ั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นการชดใช้ในส่วนที่เกิดจากการระบายข้าวแบบจีทูจีที่รัฐทำเสียหายจากการประมาทเลินเล่อกว่า 20,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงต้งชดใช้คืน 50% คือ 10,000 ล้านเศษ
อย่างไรก็ตาม การชดใช้คืนรัฐของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่มีวันจะเกิดขึ้น เพราะได้แสดงบัญชีทรัพย์สินเพียง 600 ล้านบาท