“ทักษิณ”โต้แม้แพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย จากการพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจชี้ “แพทยสภาบางทีก็ไม่มีจริยธรรมเสียเอง” พร้อมแฉมีไลน์หลุดของคนในแพทยสภาที่ด่าตนเองก่อนจะมีการพิจารณา ยืนยันไม่กังวลกับคำตัดสิน และพร้อมสู้คดีตามพยานหลักฐาน ไม่สนกระแสปั่นเรื่อง “ฮั้ว สว.”
เมื่อวันที่ 27 พ.ย.68 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ว่า แพทยสภามีหน้าที่ดูแลเรื่องจริยธรรมของแพทย์ แต่บางครั้งแพทยสภาเองก็อาจไม่มีจริยธรรมเสียเอง “บางคนไลน์กลุ่มหลุดออกมา แพทยสภาบางคนด่าผมอยู่ในไลน์กลุ่ม แล้วแพทยสภาอีกคนหนึ่ง ก็ตอบเป็นสติกเกอร์ไปว่า YES ซึ่งยังไม่ทันพิจารณาเลย อย่างนี้เรียกว่าจริยธรรมมีปัญหาซะเอง” นายทักษิณกล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่าในแพทยสภามีไส้ศึกใช่หรือไม่ จึงได้ไลน์ที่หลุดออกมา นายทักษิณ ตอบว่า “ทุกฝ่ายถ้ารักษากติกา และรักษาจริยธรรมในวิชาชีพไม่มีปัญหา” ส่วนกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข จะเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องวีโต้นั้น นายทักษิณเชื่อว่านายสมศักดิ์มีข้อมูลทุกอย่างและต้องคิดเยอะหน่อย
นายทักษิณ ยืนยันว่า ไม่ได้กังวลกับคำตัดสินของแพทยสภา โดยเปรียบเทียบว่า “ก่อนมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ซื้อเป็ดโฟร์ซีซั่นมาฝาก สบายได้กินข้าวหมดจานสบายๆ ไม่ได้คิดเยอะเลย เพราะอายุขนาดนี้จะไปคิดอะไรเยอะ อย่ามาชวนตนคิดเยอะสิ ตนไม่คิดเยอะ”
เมื่อถูกถามว่า หากผลออกมาเป็นลบจริงๆ ก็พร้อมหรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า “โอ้ อย่าเพิ่งสรุป ไม่มีอะไรต้องสรุปล่วงหน้า เชื่อว่า ผู้พิพากษาที่พิจารณา ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ เพราะต้องดูพยานหลักฐาน ดูการสืบพยานโจทก์ พยานจำเลย ฉะนั้นอย่าไปสืบเอง อย่าไปทำนายอะไรล่วงหน้า อย่าไปคาดการณ์ล่วงหน้า ไม่มีอะไร”
นายทักษิณ กล่าวย้ำว่า “ไม่ต้องมีสัญญาณ ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน บ้านเรามีกฎหมาย มีพยานหลักฐานอยู่ ฉะนั้นทุกอย่างไม่ต้องมีสัญญาณหรอกทำไมชอบไปฟังสัญญาณ”
นายทักษิณ ยังให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการฮั้ว สว. ว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพราะมีการร้องเรียนไปที่ดีเอสไอ โดยมีพยานหลักฐานต่างๆ ไหลไปที่ดีเอสไอ
“เขาทำตามหน้าที่ไม่ต้องมีใครไปสั่ง ถ้าไม่ทำเขาอาจจะโดนมาตรา 157” นายทักษิณ กล่าวและว่า เมื่อเขามีพยานหลักฐาน ส่วน สว. หรือผู้ถูกกล่าวหา ก็แก้ไปตามประมวลกฎหมาย ทุกอย่างเมื่อมีกระบวนการเข้าไปแล้ว ก็ต้องจบที่กระบวนการ เหมือนตนที่ถูกทหารเกี่ยวเบ็ดไว้ 112 ตอนสมัยปฏิวัติ เมื่อตนกลับมาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการให้จบ เราบริสุทธิ์ก็อธิบายให้บริสุทธิ์ ไม่มีปัญหาอะไร เรื่องนี้เมื่อมีกระบวนการแล้ว การจะหยุดกลางกระบวนการไม่ได้ ไม่อย่างนั้นทุกคนก็ยังมีปัญหาหรือคดีค้างอยู่
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงกรณีการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนใน “แม่น้ำกก” ว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ได้พูดคุยกับทางเมียนมาและจีน รวมถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็ร่วมคณะไปด้วย เพื่อให้ควบคุมเรื่องนี้ และแน่นอนว่า ตนจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในการพูดคุยเรื่องนี้ด้วย เพราะเขารู้ว่า รมว.การต่างประเทศเคยทำงานกับตนเอง และได้พบกับพล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย และพล.อ.อาวุโสตาน ฉ่วย รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศเมียนมา คุยกันได้หมด วันนี้เพื่อนบ้านเราคุยกันได้หมดทุกประเทศ.