‘ฮุน เซน’ กร้าว “ต้องการปกป้องดินแดน” เตือนไทย หากไม่ไปศาลโลก ‘ช่องบก’ อาจเป็นเหมือน ‘ฉนวนกาซา’ที่อิสราเอลและปาเลสไตน์ขัดแย้งกันแบบไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.68 สมเด็จฮุน เซน ได้กล่าวแถลงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ระหว่างประชุมร่วม 2 สภา เกี่ยวกับประเด็นชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทย โดยระบุว่า กัมพูชาไม่ต้องการดินแดนของใคร กัมพูชาเคยสูญเสียดินแดนไปแล้วมากมาย กัมพูชาไม่ได้เรียกร้องให้คืนดินแดนเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม กัมพูชาเพียงต้องการรักษาสิทธิในการปกป้องดินแดนของตนเอง และไม่สามารถปล่อยให้ใครมายึดเอาไปได้อีก
สมเด็จฮุน เซน ได้หยิบยกประเด็นเกี่ยวกับเวียดนามมาพูด โดยกล่าวว่า กัมพูชาได้เจรจากับเวียดนามเพื่อปักปันเขตแดนแล้ว 84% ส่วนที่เหลืออีก 16% กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็เคารพซึ่งกันและกัน , ส่วนกับลาว กัมพูชาก็ได้เจรจจาปักปันเขตแดนไปแล้ว 86% เหลืออีก 14% ที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจา และทั้งสองประเทศก็ให้การเคารพซึ่งกันและกัน แต่ปัญหาเรื่องพรมแดนกับไทยนั้น ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เลย และถ้าหากประเด็นละเอียดอ่อนเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาก็จะยืดเยื้อต่อไป
สมเด็จฮุน เซน กล่าวอีกว่า ในอดีต การเจรจาที่ดำเนินการโดยพลเอก มาว โซะพาน (Mao Sophan) รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบก มีข้อตกลงที่ชัดเจน แต่จู่ๆ ผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ของไทย ได้มีหนังสือถึงผู้บัญชาการทหารบกของพวกเขา และขอให้ผู้บัญชาการทหารบกของกัมพูชา สั่งถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าวในระยะ 200 เมตร
สมเด็จฯฮุน เซน ยังขีดเส้นใต้ว่า กัมพูชาไม่สามารถถอนทหารออกจากดินแดนของตนได้ และว่าประเด็นนี้ไม่ควรถูกนำมาเป็นเหตุผลในการหยุดความร่วมมือระหว่างกัมพูชาและไทยในทุกด้านที่มีอยู่
นอกจากนี้ สมเด็จฯ ฮุน เซน ยังพูดถึงเรื่องที่กัมพูชาขอให้ไทยนำข้อพิพาทเรื่องพรมแดนขึ้นสู่ศาลโลก โดยกล่าวว่า วิธีการนี้ถือเป็นวิธีการที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการทางการทูต แต่ถ้าไทยยังบ่ายเบี่ยงและหลีกเลี่ยงทางเลือกนี้ มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลัง และเตือนว่า หากปัญหาชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทยไม่ได้รับการแก้ไขผ่านศาลโลก ก็อาจทำให้เกิดสถานการณ์เช่นเดียวกับในฉนวนกาซา
สุดท้าย สมเด็จฮุน เซน ยังพูดถึงกลุ่มผู้ต่อต้านว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องของการปลุกปั่นให้เกิดความโกรธแค้น แต่เป็นเรื่องของอธิปไตยแห่งชาติ และตอนนี้ เราจะรู้แน่ชัดว่าใครคือผู้รักชาติและใครรักประเทศอย่างแท้จริง เมื่อเราไม่ตอบโต้ พวกเขาก็บอกว่าเราขี้ขลาด ไม่กล้าสู้ เมื่อเราสู้ พวกเขาก็บอกว่าเราใช้ความรุนแรง เมื่อเราไม่ร้องเรียน พวกเขาก็บอกว่าเราไม่กล้า เมื่อเราร้องเรียน พวกเขาก็บอกว่าเราสร้างปัญหา นั่นคือสิ่งที่กลุ่มคนเหล่านี้ (กลุ่มชาวเขมรหัวรุนแรงในต่างแดน) กำลังทำอยู่”