รัฐบาลวางแผนแก้เอ็นพีแอลช่วยเหลือรายย่อย เล็งใช้งบประมาณ 1 หมื่นล้าน แฮร์คัตหนี้ 3 ล้านราย ล้างหนี้เสีย 1.2 แสนล้าน ปลดล็อกเครดิตบูโร ด้านคลังเตรียมปรับเงื่อนไขโครงการ คุณสู้ เราช่วย รอบใหม่ คาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เดือน มิ.ย. นี้
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า การแก้ปัญหาหนี้รายย่อยของรัฐบาลนอกจากการปรับปรุงโครงการคุณสู่เราช่วยแล้วยังเตรียมแก้ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายหรือ เอ็นพีแอลของประชาชน คาดว่าจะใช้วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท มาซื้อหนี้เสียกลุ่มเรื้อรังแล้วยกหนี้ให้ทั้งหมด แต่ต้องมากำหนดหลักเกณฑ์ เช่น หนี้ไม่เกินเท่าไหร่ เป็นหนี้ระยะเวลาเท่าไหร่ โดยตัดหนี้เสียหรือแฮร์คัท 3 ล้านราย ที่เป็นเอ็นพีแอล คงค้างอยู่เดิม 1.2 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ มีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นประชาชนที่มีหนี้ไม่สูง แต่เป็นหนี้เสียติดบัญชีเครดิตบูโรมานาน และกลุ่มเกษตรกรที่เป็นลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) กลุ่มอายุเกิน 70 ปี เพื่อช่วยไม่ให้ลูกหนี้กลุ่มนี้เสียประวัติทางการเงิน และกลับมาเข้าถึงแหล่งเงินทุนระบบสถาบันการเงินได้
สำหรับแนวคิดรัฐบาลที่จะแก้หนี้เสียลักษณะนี้แทนที่จะปรับโครงสร้างหนี้หรือการซื้อหนี้สินมาบริหาร เพราะกลุ่มนี้เป็นหนี้เสียมานานบางคนมากกว่า 10-15 ปี และไม่มีความสามารถจ่ายหนี้ โดยลูกหนี้กลุ่มนี้เมื่อย้อนไปเป็นหนี้ที่สถาบันการเงินตั้งสำรองหนี้เป็นศูนย์หมด รวมทั้งสถาบันการเงินเองใช้เครดิตภาษีจากการตั้งสำรองมาหักค่าใช้จ่ายแล้วซึ่งเท่ากับประหยัดภาษีไปแล้ว20%จึงไม่กระทบระบบการเงิน ส่วนการที่ไม่ซื้อหนี้มาบริหาร เพราะมีจำนวนลูกหนี้มากกว่า 3 ล้านคน คงไม่สามารถบริหารได้
สำหรับเกณฑ์การพิจารณาการแอร์คัทหนี้เช่นการดูจากบัญชีรายชื่อและจำนวที่มีหนี้ค้างอยู่ เช่น หนี้ของ ธ.ก.ส.จะมีวิธีแฮร์คัทหนี้ โดยอาจยกให้เลย 2 แสนคน เช่น เป็นกลุ่มที่เป็นลูกหนี้ของคนที่มีอายุเกิน 70 ปี เป็นต้นเพราะหนี้ของเกษตรกรที่เป็นลูกหนี้ของ ธ.ก.ส.ในกลุ่มคนที่อายุมากแล้วก็จ่ายดอกเบี้ยมามากแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อมาเจอภาวะที่สินค้าเกษตรตกต่ำต้นทุนในการทำการเกษตรนั้นสูงกว่าราคาผลผลิตที่ขายได้ ซึ่งหากจะให้เข้าโครงการแบบพักหนี้อีกก็ไม่รู้ว่าจะใช้หนี้ได้เมื่อไหร่ แล้วหนี้จำนวนนี้ก็หมุนมาในระบบเศรษฐกิจหลายรอบแล้ว
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนว่า กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการหารือกันในการปรับเงื่อนไขโครงการ คุณสู้ เราช่วย รอบใหม่ คาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในช่วงเดือน มิ.ย. โดยการปรับปรุงเงื่อนไขในส่วนที่สำคัญได้แก่
1.ขยายคุณสมบัติมาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์จากเดิมที่กำหนดคุณสมบัติลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการต้องมียอดค้างชำระ ณ วันที่ 30 ต.ค.2567 เกิน 30 วันขึ้นไป จะปรับเปลี่ยนให้ลูกหนี้ที่มีประวัติเคยค้างชำระ 1 วันขึ้นไป และเคยผ่านการปรับโครงสร้างหนี้มาแล้วร่วมมาตรการได้เพื่อขยายโอกาสช่วยประชาชนให้ครอบคลุมขึ้น
มาตรการนี้ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อบ้าน หรือ Home for Cash วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท, สินเชื่อรถยนต์ไม่เกิน 8 แสนบาท, สินเชื่อรถจักรยานยนต์ไม่เกิน 50,000 บาท และสินเชื่อ SMEs ไม่เกิน 5 ล้านบาท
สำหรับลูกหนี้จะได้ปรับโครงสร้างหนี้ ลดค่างวดผ่อนชำระลงเหลือ 50% ในปีแรก, 70% ในปีที่สอง และ 90% ในปีที่สาม พร้อม “พักภาระดอกเบี้ย” เป็นเวลา 3 ปีเต็ม ช่วง 3 ปีนี้ ค่างวดที่ลูกหนี้ชำระจะนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด ส่วนดอกเบี้ยที่ถูกพักไว้ตลอดเวลา 3 ปีจะได้รับการยกเว้น
2.ขยายเพดานหนี้สำหรับมาตรการจ่าย ปิด จบมาตรการนี้มุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีหนี้เสีย โดยจะขยายเพดานภาระหนี้เสียที่เข้าร่วมโครงการได้ จากเดิมหนี้เสียไม่เกิน 5,000 บาท จะปรับเป็นหนี้เสียแบบไม่มีหลักประกัน เพดานหนี้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อบัญชี และหนี้เสียแบบมีหลักประกันเพดานหนี้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อบัญชี
ภายใต้มาตรการนี้ลูกหนี้จะได้รับข้อเสนอให้ชำระหนี้ขั้นต่ำเพียง 10% ของยอดหนี้คงค้าง เพื่อปิดบัญชีหนี้ทั้งหมดทันทีรวมทั้งมีแผนขยายเวลาโครงการจากเดิมจะสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2568